วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ประสิทธิภาพนักขายตรง

+
การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของนักขายตรงเป็นงานที่สำคัญอันดับต้นๆ ของธุรกิจขายตรงที่เน้นการขายและการสร้างเครือข่ายเป็นหลัก และไม่ใช่เรื่อง แปลกที่เกือบทุกองค์กรให้ความสำคัญการปฏิบัติงานของพนักงานขายโดยเฉพาะท่ามกลางสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่ไม่สามารถเอาแน่เอานอนอะไรได้ หากวิเคราะห์รายละเอียดด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานขายก็แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการดำเนินงานจะสัมพันธ์กับความสามารถและทักษะด้านการสื่อสาร ระหว่างบุคคล โดยพฤติกรรมของนักขายตรงที่ต้องแสดงออกถึงความสัมพันธ์ ที่ดีกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและวัตถุประสงค์ขององค์กร
นักขายตรงต้องมีการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตนเอง ซึ่งการตรวจสอบประสิทธิภาพนักขายตรงโดยทั่วไปจะประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐาน 7 ประการดังนี้
1. บทบาท เป็นพฤติกรรมของนักขายตรงที่ถูกผู้อื่นคาดหวังว่าจะต้องแสดงออกให้สอดคล้องเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับงานขาย โดยนักขายตรงต้องเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ของอาชีพงานขาย เข้าใจถึงธรรมชาติและภาระงานที่นักขายตรงต้องปฏิบัติ
2. ทักษะ เป็นความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของนักขายตรงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการขาย โดยนักขายตรงจะต้องเรียนรู้ และพัฒนาทักษะ ด้านการขายอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะไม่มีใครเก่งไปทุกอย่าง และรู้ไปทุกเรื่อง การเพิ่มทักษะถือเป็นการเพิ่มโอกาส เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
3. แรงจูงใจ เป็นการกระตุ้นเพื่อสร้างความกระตือรือร้นในการทำงาน งานขายเป็นงานที่ต้องเผชิญหน้าพบปะกับบุคคลที่มีความหลากหลายความรู้สึกนึกคิด ดังนั้นนักขายตรงจะต้องสร้างแรงจูงใจในการทำงาน หากนักขายตรงไม่มีเป้าหมายทางด้านยอดขาย หรือเป้าหมายด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือไม่มีส่วนแบ่งจากยอดขาย ก็อาจทำให้ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน
4. ปัจจัยส่วนบุคคล เป็นปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล อันได้แก่ เพศ อายุ ศาสนา เชื้อชาติ การศึกษา สรีระทางร่างกาย รวมถึงเรื่องสุขภาพกายและใจ โดยนักขายตรงที่สามารถดูแลร่างกายและสุขภาพจิตให้ดีพร้อมและสามารถประยุกต์ลักษณะเฉพาะตัวของตนเองให้เข้ากับกิจกรรมการขายได้อย่างเหมาะสมก็ถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ดังนั้นนักขายตรง จะต้องเข้าใจในจุดแข็งและข้อจำกัดของตนเองที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานขาย เพราะถ้าเราไม่รู้จักตัวเองแล้วใครจะรู้จักเรา
5. ความถนัด เป็นพรสวรรค์ผนวกกับพรแสวง ที่บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญทางด้านการขาย ซึ่งนักขายตรงแต่ละคนอาจใช้เทคนิคทางด้านการขายที่ แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถ จังหวะเวลา และโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งแตกต่างกันภายใต้สถานการณ์ต่างๆ มันคงเป็นไปได้ยากที่นักขายตรงจะเลือก ใช้เทคนิคการขายที่ตนเองไม่ถนัดแล้วประสบความสำเร็จทางการขาย เพราะไม่ได้แสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของนักขายตรง ตลอดจนยังเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นศรัทธาที่ลูกค้ามีต่อนักขายตรงด้วย
6. องค์กร เป็นหน่วยงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของนักขายตรงในหลายๆ มิติ อาทิ การสนับสนุนด้านการพัฒนานักขายตรง การสร้างและ อำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของนักขายตรง การกำหนดนโยบายและ ผลตอบแทนจากการขาย การบริการจัดการด้านการขาย การบริหารทรัพยากร มนุษย์ที่มีศักยภาพ ดังนั้น นักขายตรงต้องเลือกองค์กรที่มีความมั่นคง ฐานะทางการเงินดี มีโอกาสในการเจริญเติบโต มีทีมบริหารที่มีความรู้ความสามารถ น่าเชื่อถือ มีนโยบายและผลิตภัณฑ์ตลอดจนการจ่ายผลตอบแทนที่สอดคล้อง กับความต้องการของนักขายตรง
7. ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่นักขายตรงสามารถแสวงหาโอกาสและหลีกเลี่ยงอุปสรรคได้ ได้แก่ ปัจจัยด้าน ภัยธรรมชาติ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี โดยนักขายตรงที่มีประสิทธิภาพจะต้องสามารถฝ่าฟันต่อปัญหาและอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปและฉกฉวยโอกาสให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ไม่มีความคิดเห็น: