วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สุขใจสุขกาย

ชีวิตไม่สามารถขีดเส้นใต้แล้วเดินตามได้ แต่ชีวิตต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่สิ้นสุด ทำให้คนเราต้องเผชิญกับความสุข และความทุกข์คละเคล้ากันไป สู้บ้างท้อบ้าง ความพยายามจะเกิดขึ้นเมื่อเราท้อ เราท้อเมื่อเราผิดหวัง และเมื่อเราไม่ตั้งความหวัง เราก็จะไม่ผิดหวังเช่นกัน นี้แหละคือรสชาติของชีวิตที่ทุกคนหนีไม่พ้น ไม่ว่าเราจะเดินทางไกลสักเพียงใด จะผ่านหลายร้อยหุบเขาหรือข้ามหลายพันสะพานสุดท้ายแล้วถนนก็มีแค่สองโค้งคือโค้งขวาและโค้งซ้าย
แต่ละคนก็มีเหตุผลในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือทุกคนต้องการมีความสุขในชีวิต ซึ่งความสุขในที่นี้ยากนักที่จะนิยามให้ความหมายอย่างชัดเจน แต่สามารถกำหนดกรอบแห่งการดำเนินชีวิตให้มีความสุขได้ดังนี้
1. ค้นหาและทำความรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของตนเอง คนเราต้องรู้ว่าเราชอบอะไร ต้องการอะไรกันแน่ ต้องรู้ความรู้สึกอย่างแท้จริงไม่ใช่หลอกตัวเอง หรือเป็นการสร้างภาพโดยปราศจากความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง และ เราต้องนิยามความหมายของความสุขในความต้องการของเราว่าความสุขคืออะไร โดยต้องนิยามบนพื้นฐานความเป็นตัวตนของเราเอง ถือเป็นการกำหนด เป้าหมายแห่งความสุข
2. จัดการกับความกลัว หรือจัดการกับทัศนคติทางลบ กลัวชีวิตไม่มีความสุข เป็นการเปลี่ยนความคิดเปิดมุมมองในทางบวก สร้างทัศนคติที่ดีต่อ การดำเนินชีวิต เราต้องเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามธรรมชาติ แสดง ความเป็นตัวตนของตัวเอง และมีความเหมาะสมกับตนเอง มีความจริงใจกับทุกๆ คน และไม่ต้องกลัวความผิดหวัง หรืออุปสรรค นั่นคือ คนที่คิดบวกคือ คนที่กำลังเผชิญกับความสุข
3. สร้างแรงกระตุ้น เพิ่มความกระชุ่มกระชวยในการดำเนินชีวิต บางครั้งชีวิตก็ต้องมีความตื่นเต้นบ้าง นำอุปสรรคหรือปัญหามาเป็นตัวสร้างแรงกระตุ้น เพราะปัญหามีไว้แก้ ไม่ใช่มีไว้หนี ทุกปัญหามีทางแก้ หากใช้สติไตร่ตรอง อย่างรอบคอบ สรุปได้ว่า การมีสติในการดำเนินชีวิตจะทำให้ชีวิตมีความสุข
4. เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตก็มีสุข ชีวิตคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นคนเราต้องยอมรับความจริงและพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง ในชีวิตไม่ว่าด้านบวกหรือด้านลบ พึงระลึกว่า เมื่อเวลาเปลี่ยนสรรพสิ่งบนโลก ใบนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงด้วยเสมอ เมื่อวานเป็นอดีต พรุ่งนี้คืออนาคต วันนี้คือปัจจุบัน อดีตแก้ไขไม่ได้ พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำวันนี้ให้ดี ให้มีความสุข แล้วเราก็จะมีความสุขในทุกๆ วัน
5. เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก แบ่งปันความรัก มอบความรู้สึกที่ดีๆ ให้กับคนรอบข้าง ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นมิตรหรือศัตรู หากเรายิ้มให้กับกระจก กระจกมันจะยิ้มตอบเราเสมอ เมื่อเราสามารถทำให้คนอื่นมีความสุข เราก็จะ มีความสุขไปด้วย ความรักที่เรามอบให้บุคคลอื่นเป็นการแสดงออกที่สะท้อน ถึงความสุข ซึ่งต้องเป็นความรักที่เกิดด้วยความบริสุทธิ์ใจที่ไม่มีอะไรซ่อนเร้น
6. สนุกและพอใจกับปัจจุบัน รู้จักกับคำว่า พอเพียง อยู่อย่างเพียงพอ ที่ไม่น้อยเกินไปหรือไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีเหตุมีผล เข้าใจในเหตุผลของกันและกัน ต่างคนต่างมีเหตุผลของแต่ละคน ความขัดแย้งหรือ ตัวทำลายความสุขก็จะเกิดขึ้นหากแต่ละคนไม่เข้าใจในเหตุผลของแต่ละคน นั่นหมายความว่า ชีวิตที่มีสุขเราต้องอยู่อย่างพอเพียง มีเหตุมีผล และต้องเข้าใจในเหตุและผลของบุคคลอื่นด้วย
7. สร้างบันทึกแห่งความสุข ลองสะสมแต้มแห่งความสุข ลองวิเคราะห์ถึงที่มาของความสุข ว่าความสุขที่เราต้องการสุดท้ายแล้วมันคืออะไร แล้วเรา มีความสุขมากน้อยแค่ไหน บทสรุปของบันทึกแห่งความสุขก็คือ ความสุขเกิดจากตัวเราเอง เราคือผู้กำหนด และหากเรามีความสุขใจ ความสุขกายก็จะตามมา
หากกรอบแนวคิดที่ผ่านมาไม่สามารถทำให้ชีวิตเกิดความสุขได้เลย ก็จงยิ้มเข้าไว้ เพราะ
“รอยยิ้ม มันเกิดจากความรู้สึก รอยยิ้ม คือความบริสุทธิ์ของจิตใจ รอยยิ้ม ปลดทุกข์ นำสุข รอยยิ้ม คือมิตรภาพ ความผูกพัน รอยยิ้ม เปิดรับความสดใส รอยยิ้ม คือพลังใจ อันกล้าแกร่ง” แล้วความสุขก็จะเกิดพร้อมรอยยิ้ม ขอให้ทุกคนสุขใจสุขกาย




(

ไม่มีความคิดเห็น: