วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ย่อ กฏหมายอาญา บทบัญญัติทั่วไป

ย่อหลักกฎหมายเพื่อความคล่องตัว
1. ขาดองค์ประกอบความผิด – ไม่มีความผิด
2. ไม่รู้ข้อเท็จจริง – ไม่มีความผิด (มาตรา 59 วรรคสาม)
3. สำคัญผิดในข้อเท็จจริง – แล้วแต่กรณี (มาตรา 62) มีเหตุเป็นคุณ ประการ คือ
1) เหตุยกเว้นความผิด – ไม่มีความผิด เข่น ป้องกันตาม มาตรา 68 ฯลฯ
2) เหตุยกเว้นโทษ – มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เช่น จำเป็นตาม มาตรา 67 ฯลฯ
3) เหตุลดหย่อนโทษ – มีความผิดแต่ศาลจะลงน้อยเพียงใดก็ได้ เช่น บันดาลโทสะ ตาม มาตรา 72
ฯลฯ
4. สำคัญผิดในตัวบุคคล – แก้ตัวไม่ได้ (มาตรา 61)
5. ไม่รู้กฎหมาย – แก้ตัวไม่ได้ (มาตรา 64)
6. คนวิกลจริต – มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา65)
-
ถ้ารู้ผิดชอบอยู่บ้าง – ศาลลงน้อยเพียงใดก็ได้ (มาตรา 65 วรรคสอง)
7. ความมึนเมา – แก้ตัวไม่ได้ เว้นแต่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นทำให้มึนเมา
หรือถูกขืนใจให้เสพและได้กระทำในขณ ถ้ารู้ผิดชอบอยู่บ้าง – ศาลลงน้อยเพียงใดก็ได้ (มาตรา 65 วรรคสอง)
7. ความมึนเมา – แก้ตัวไม่ได้ เว้นแต่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นทำให้มึนเมา
หรือถูกขืนใจให้เสพและได้กระทำในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ (มาตรา 66)
ถ้ารู้ผิดชอบอยู่บ้าง – ศาลลงน้อยเพียงใดก็ได้ (มาตรา 66 ตอนท้าย)
8. จำเป็น – มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 67)
9. ป้องกัน – ไม่มีความผิด (มาตรา 6ะไม่สามารถรู้ผิดชอบ หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ (มาตรา 66)
ถ้ารู้ผิดชอบอยู่บ้าง – ศาลลงน้อยเพียงใดก็ได้ (มาตรา 66 ตอนท้าย)
8. จำเป็น – มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 67)
9. ป้องกัน – ไม่มีความผิด (มาตรา 6
10. เกินกว่าเหตุ – ศาลลงน้อยเพียงใดก็ได้ (มาตรา 69)
ถ้าเกิดจากความตื่นเต้นตกใจกลัว – ศาลจะไม่ลงก็ได้ (มาตรา 69ตอนท้าย)




11. กระทำตามคำสั่งเจ้าพนักงาน มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ เว้นแต่จะรู้ว่าเป็นคำสั่งโดยมิชอบ
(มาตรา 70)

12. ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ระหว่างสามีภริยา – มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 71 วรรคแรก)
13. บันดาลโทสะ – ศาลลงน้อยเพียงใดก็ได้ (มาตรา 72)
14. เด็กอายุไม่เกิน 10 ปี – มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 73)
15. เด็กอายุกว่า 10 ปี แต่ยังไม่เกิน 15 ปี  ให้ใช้วิธีการสำหรับเด็ก (มาตรา 74)
16.เด็กอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี – ให้ใช้วิธีการสำหรับเด็ก หรือลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่ง (มาตรา 75)
17. เหตุบรรเทาโทษ – ศาลลดโทษที่จะลงไม่เกินกึ่งหนึ่ง (มาตรา 7
18. โทษปรับสถานเดียว – ชำระค่าปรับในอัตราสูงสุด ก่อนศาลเริ่มต้นสืบพยานคดีระงับ (มาตรา 79)
19. พยายาม – ระวางโทษ ใน ของระวางโทษ) (มาตรา 80)
20. พยายามที่เป็นไปไม่ได้โดยแน่แท้ – ระวางโทษไม่เกินกึ่งหนึ่ง (มาตรา 81)
ถ้าหลงเชื่ออย่างงมงาย – ศาลจะไม่ลงก็ได้ (มาตรา 81 วรรคแรก)
21. ไม่ต้องรับโทษฐานพยายามแต่รับตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นความผิด (มาตรา 82)
22. ตัวการ – ตัดสินใจร่วมกันและอยู่ในสถานที่เดียวกัน พร้อมที่จะช่วยเหลือกันได้ (มาตรา 83)
23. ผู้ใช้ – ทำให้ผู้อื่นตัดสินใจรับโทษเสมือนตัวการ (มาตรา 84)
ถ้าความผิดมิได้กระทำลง – ต้องระวางโทษ ใน 3 (ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น) (มาตรา
84 วรรคสอง)
24. ผู้โฆษณา – ประกาศ ความผิดไม่ต่ำกว่า เดือน แต่ความผิดมิได้กระทำลง –ระวางโทษกึ่งหนึ่ง (ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น) (มาตรา 85)
ถ้าได้มีการกระทำความผิดแล้ว – รับโทษเสมือนตัวการ (มาตรา 85 วรรคสอง)
25. ผู้สนับสนุน – เขาตัดสินใจก่อนแล้วเราจึงมาช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อน
หรือขณะกระทำความผิดต้องระวางโทษ ใน 3 (ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุน (มาตรา 86)
26. ผู้ใช้ – ผู้โฆษณา – ประกาศ หรือผู้สนับสนุนเข้าขัดขวางมิให้บรรลุผล
27. ผู้ใช้ – ผู้โฆษณา ประกาศ หรือผู้สนับสนุนเข้าขัดขวางมิให้บรรลุผล
ผู้ใช้ รับเพียง 1 ใน 3 มาตรา 84 วรรคสอง
ผู้โฆษณา – ประกาศ – รับผิดเพียงกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 85 วรรคแรก
ผู้สนับสนุน – ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 88)
28. เหตุส่วนตัว เหตุในลักษณะคดี – มาตรา 89
29. กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท – ลงบทหนักสุด (มาตรา90)
30. ต่างกรรมต่างวาระ – ลงโทษเรียงกระทงความผิด (มาตรา 91)
31. หลักเกณฑ์กรรมเดียว
1) กระทำครั้งเดียว เจตนาเดียว หรือ
2) กระทำหลายครั้งแต่มี เจตนาเดียว (แยกเจตนามิได้) (มาตรา 90)
32. หลักเกณฑ์ต่างกรรม – แยกเจตนา (มีหลายเจตนา แม้ในวาระเดียวกัน) (มาตรา 91)
33. การเพิ่มโทษธรรมดา – เพิ่ม ใน ของโทษ ของโทษที่ศาลกำหนด (เพิ่มโทษที่จะลง) (มาตรา92)
หลักเกณฑ์ – กระทำผิดอีกในระหว่างรับโทษ หรืภายใน ปี นับแต่วันพ้นโทษ (มาตรา 92)
34. การเพิ่มโทษหนัก – เพิ่มกึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนด (เพิ่มโทษที่จะลง) (มาตรา 93)
หลักเกณฑ์
1) กระทำผิดซ้ำอนุมาตราเดียวกันอีกในระหว่างรับโทษ หรือภายใน ปีนับแต่วันพ้นโทษ
2) ความผิดครั้งแรกศาลพิพากษาจำคุกไม่น้อยกว่า เดือน และ
3) ศาลพิพากษาครั้งหลังถึงจำคุก (เท่าไหร่ก็ได้)(มาตรา 93)
4) ศาลผิดฐานประมาทลหุโทษ หรืออายุไม่เกิน 17 ปี ไม่ว่าครั้งก่อนหรือครั้งหลัง ไม่นับ (มาตรา 94)
35. อายุความฟ้องร้อง – มาตรา 95 นับแต่วันกระทำความผิด
36. อายุความฟ้องร้องในความผิดอันยอมความได้ – ต้องร้องทุกข์ภายใน เดือน นับแต่รู้เรื่องรู้ตัว (มาตรา 96)
37. อายุความบังคับคดี – มาตรา 98 นับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด หรือ หลบหนี
38. ความผิดลหุโทษ – ความผิดที่ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่นว่ามานี้ด้วยกัน (ดูที่ระวางโทษมิใช่ดูโทษที่จะลง) (มาตรา 102)
39. พยายามลหุโทษ – ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 105)
40 สนับสนุนลหุโทษ – ไม่ต้องรับโทษ (มาตรา 106)
(จบสรุปย่อ วิธีไล่สายกฎหมายอาญา เล่ม 1 (มาตรา 1 – 106)








ป.อาญา มาตรา95 อายุความ

มาตรา 95 ในคดีอาญา ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมา ยังศาลภายในกำหนดดังต่อไปนี้ นับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ 

(1) ยี่สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอด ชีวิต หรือจำคุกยี่สิบปี 

(2) สิบห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าเจ็ดปีแต่ยัง ไม่ถึงยี่สิบปี 

(3) สิบปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งปีถึงเจ็ดปี 

(4) ห้าปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกกว่าหนึ่งเดือนถึง หนึ่งปี 

(5) หนึ่งปี สำหรับความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งเดือน ลงมาหรือต้องระวางโทษอย่างอื่น 

ถ้าได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลแล้ว ผู้กระทำความผิด หลบหนีหรือวิกลจริต และศาลสั่งงดการพิจารณาไว้จนเกินกำหนดดังกล่าวแล้ว นับแต่วันที่หลบหนีหรือวันที่ศาลสั่งงดการพิจารณา ก็ให้ถือว่าเป็นอันขาดอายุความ เช่นเดียวกัน 

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การรับผิดทางอาญา

 มาตรา ๕๙
            บุคคล จะต้องรับผิดในทางอาญา ก็ต่อเมื่อ ได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่ จะได้กระทำ โดยประมาท ในกรณีที่ กฎหมายบัญญัติ ให้ต้องรับผิด เมื่อได้กระทำ โดยประมาท หรือเว้นแต่ ในกรณีที่ กฎหมายบัญญัติไว้ โดยแจ้งชัด ให้ต้องรับผิด แม้ได้กระทำ โดยไม่มีเจตนา
            กระทำโดยเจตนา ได้แก่ กระทำโดยรู้สำนึก ในการที่กระทำ และ ในขณะเดียวกัน ผู้กระทำ ประสงค์ต่อผล หรือ ย่อมเล็งเห็นผล ของการกระทำนั้น
            ถ้า ผู้กระทำ มิได้รู้ ข้อเท็จจริง อันเป็นองค์ประกอบ ของความผิด จะถือว่า ผู้กระทำ ประสงค์ต่อผล หรือ ย่อมเล็งเห็นผล ของการกระทำนั้น มิได้
            กระทำโดยประมาท ได้แก่ กระทำความผิด มิใช่โดยเจตนา แต่กระทำ โดยปราศจาก ความระมัดระวัง ซึ่ง บุคคล ในภาวะเช่นนั้น จักต้องมี ตาม วิสัย และ พฤติการณ์ และ ผู้กระทำ อาจใช้ความระมัดระวัง เช่นว่านั้นได้ แต่ หาได้ใช้ ให้เพียงพอไม่
            การกระทำ ให้หมายความรวมถึง การให้เกิดผล อันหนึ่งอันใดขึ้น โดยงดเว้น การที่จักต้องกระทำ เพื่อป้องกันผลนั้นด้วย
 

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การรอลงอาญา


หลักกฎหมาย ซึ่งหลักกฎหมายเกี่ยวกับเรื่อง “การรอการลงโทษ” หรือ “การรอลงอาญา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มีหลักดังนี้ คือ
  1. ผู้นั้นกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้น ศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
  2. ไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ (คือความผิดที่มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 เดือน)
  3. ศาลจะวินิจฉัยโดยคำนึงถึง อายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิด หรือเหตุอื่นอันควรปรานี
  4. เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาว่า ผู้นั้นมีความผิดแต่รอการกำหนดโทษ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้ก็ได้
          ผมอยากให้สังเกตในข้อ 2. ให้ดีแล้วจะพบว่า การรอการลงอาญานั้น ผู้กระทำความผิดต้องไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนคำ ว่า “โทษจำคุก” ใน ที่นี้ หมายถึง การถูกจำคุกจริง ๆ ถูกคุมขังในเรือนจำจริง ๆ ฉะนั้นคำว่าได้รับโทษจำคุกในที่นี้ จึงไม่รวมถึงการรอลงอาญา แม้จะเป็นความผิดที่มีโทษจำคุกก็ตาม ทั้งนี้ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยไว้แล้วว่า การรอลงอาญาไม่ถือว่าเป็นการได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงมีคำสั่งให้รอการลงโทษไว้อีกได้ (ฎ.1983/2497)
          ดังนั้น ผู้กระทำความผิดอาญาที่ถูกตัดสินให้จำคุกแต่ศาลสั่งรอลงอาญาไว้ เมื่อกระทำความผิดอีก ศาลอาจจะสั่งให้รอลงอาญาเอาไว้อีกก็ได้ อย่างไร ก็ตาม ศาลจะพิจารณาโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม และลักษณะของบุคคลนั้น ๆ ว่าสมควรจะรอการลงโทษไว้หรือไม่ เพราะลักษณะนิสัยของบางคนชอบกระทำความผิดอยู่เป็นประจำ หรือที่เรียกกันตามภาษากฎหมายว่า “มีเถียรจิตเป็นโจร” อย่างนี้ศาลอาจจะไม่สั่งให้รอลงอาญาในคดีใหม่ และอาจจะยกเลิกการรอลงอาญาในคดีเก่า แล้วนำโทษในคดีเก่ามารวมกับโทษในคดีใหม่ก็ได้
          ท้ายสุดนี้ ผมข้อฝากแง่คิดเอาไว้ว่า คนเราเมื่อทำผิดแล้วก็ควรที่จะปรับปรุงตัว โดยนำความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียน เรียกว่า “ผิดเป็นครู” แต่ ถ้าทำผิดแล้วยังไม่สำนึก และยังคงทำผิดอีกหลายครั้ง ก็เป็นการสมควรแล้วที่จะถูกลงโทษให้เข็ดหลาบ เพื่อจะได้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ที่คิดจะกระทำผิดต่อไปภายภาคหน้า

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หลักทรัพย์ ที่ใช้ประกันตัว

เงินสด, โฉนดที่ดิน, นส3,พันธบัตร,ตำแหน่งข้าราชการ

การแจ้งความร้องทุกข์ คดีฉ้อโกง


 การ กระทำความผิดอาญาโดยทั่วไปผู้เสียหายจะต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงจะมีอำนาจสอบสวน และพนักงานอัยการจึงจะมีอำนาจดำเนินคดีให้ผู้เสียหายได้ หลักเกณฑ์การร้องทุกข์หรือที่เราเรียกกันว่าง่าย ๆ ว่า "การแจ้งความ" นั้น คือ การที่ผู้เสียหายกล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีผู้กระทำความผิดเกิดขึ้นไม่ว่า จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ ก็ตาม ซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย ดนกันหลายคนให้รวบรวมรายชื่อให้ได้มากที่สุด ให้มีผู้เสียหายร่วมแจ้งความมากที่สุดเอามันโรงพักเดียวนั่นแหละ ถ้าเป็นผู้กระทำผิดรายเดียวกัน มิเช่นนั้น ถ้าทยอยไปแจ้งความ มันจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จะปัดความรับผิดชอบโดยจะให้ไปแจ้งในเขตที่เราโอนเงิน ซึ่งถ้ารวมตัวกันไปหรือแจ้งสื่อมวลชนด้วยจะไม่เกิดปัญหานี้วามผิด เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็สามารถดำเนินการได้ แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้ร้องทุกข์ ก็ตาม

โดยมีเจตนาให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ แต่ ถ้าเป็นคดีอาญาแผ่นดิน เช่น คดีขัดต่อศีลธรรมอันดี ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย เช่น คดีฆ่าคนตาย ลักทรัพย์ คดีรุมโทรม หรือข่มขืนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เหล่านี้ หากพบการกระทำคสรุป
-ถ้า

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือว่า ในคดีอาญาที่เป็นความผิดอันยอมความได้ซึ่งผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์ หรือฟ้องคดีเอง ต่อศาลภายในกำหนดเวลา 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำ ความผิด หมายความว่าถ้าผู้เสียหายร้องทุกข์ไว้ภายใน 3 เดือน คดีก็สามารถดำเนินต่อไปได้ และต่อมา ถ้าผู้เสียหาย จะฟ้องคดีเองอีกก็ได้ เพราะถือว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ไว้แล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้ร้องทุกข์หรือ "ยังไม่เป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมาย" ผู้เสียหายก็ต้องรีบฟ้องคดีภายในกำหนด 3 เดือน ไม่เช่นนั้น คดีจะขาดอายุความฟ้องเองก็ไม่ได้

คดีที่กฎหมาย บัญญัติว้ให้เป็นความผิดอันยอมความได้ เช่น คดีอาญาความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค คดียักยอก คดีฉ้อโกง คดีทำให้เสียทรัพย์ คดีข่มขืนต่อผู้ที่อายุเกิน 15 ปี (ซึ่งต้องไม่เป็นการรุมโทรม, ไม่ได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล, ไม่ได้ใช้อาวุธ ไม่ได้กระทำต่อบุตร หรือผู้ที่อยู่ในปกครอง และผู้เสียหาย ไม่ได้รับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย) ฯลฯ ดังนั้นนอกจากจะต้องแจ้งความหรือฟ้องคดีเองภายใน 3 เดือนแล้ว คำแจ้งความร้องทุกข์นั้นจะต้องเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมายด้วย ไม่เช่นนั้น จะถือเท่ากับว่า ยังไม่มีการร้องทุกข์ ดังนั้นถ้าเกิน 3 เดือน ผู้เสียหายจะนำคดีมาฟ้องเองก็ไม่ได้

ส่วนที่สำคัญของการร้องทุกข์คือว่า ผู้เสียหายจะต้องกล่าวหาโดยมีเจตนาที่จะให้ผู้กระทำความผิด ได้รับโทษ แต่เราจะพบบ่อยครั้งที่ผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ แต่ลงบันทึกประจำวันไว้ว่า "แจ้งไว้ เป็นหลักฐาน" เช่น บางครั้งผู้เสียหายยังต้องการจะเจรจากับผู้ต้องหา เมื่อได้แจ้งข้อเท็จจริงกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็จะระบุไว้ว่า แจ้งเป็นหลักฐานเพื่อ ไม่ให้คดีขาดอายุความ แจ้งไว้เพื่อนำเรื่อง ไปจัดการเอง แจ้งว่าถูกข่มขืน แต่จะดูไปก่อน ถ้าผู้ต้องหาย้อนมาอีกก็จะเอาเรื่องถ้าไม่มาอีกก็แล้วไป เหล่านี้ถือว่าเป็นคำร้องทุกข์ตามกฎหมายเพราะเป็นการแจ้งไว้เป็นหลักฐาน ถือว่าขณะนั้นยังไม่มีเจตนา ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีผู้กระทำความผิด เท่ากับยังไม่ได้มีการร้องทุกข์ ดังนั้นผู้เสียหายจึงต้อง ไปร้องทุกข์ให้ถูกต้องตามกฎหมายใหม่ภายใน 3 เดือนนับแต่วันเกิดเหตุและรู้ตัวผู้กระทำความผิด มิฉะนั้นถ้าเกิน 3 เดือนคดีจะขาดอายุความ

สำเนาในใบบันทึกประจำวันที่ส่งมาให้ดูนั้น เห็นได้ชัดว่า เป็นการไปแจ้งเพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจ ในการสอบสวน เพราะยังไม่ถือว่าเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมาย ถ้าหากยังไม่เกิน 3 เดือน คุณก็อาจจะไปแจ้งความร้องทุกข์ใหม่ให้ถูกต้องหรือฟ้องคดีเองก็ได้ แต่นี่เกิน 3 เดือนนับแต่วันเกิดเหตุแล้วคดีขาดอายุความร้องทุกข์และคุณฟ้องเองก็ไม่ได้ 


สรุป

-ถ้าโดนกันหลายคนให้รวบรวมรายชื่อให้ได้มากที่สุด ให้มีผู้เสียหายร่วมแจ้งความมากที่สุดเอามันโรงพักเดียวนั่นแหละ ถ้าเป็นผู้กระทำผิดรายเดียวกัน มิเช่นนั้น ถ้าทยอยไปแจ้งความ มันจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จะปัดความรับผิดชอบโดยจะให้ไปแจ้งในเขตที่เราโอนเงิน ซึ่งถ้ารวมตัวกันไปหรือแจ้งสื่อมวลชนด้วยจะไม่เกิดปัญหานี้ครับ

 ถ้าแจ้งความภายใน3เดือน อายุความจะอยู่ที่10ปีคือ คดีจะติดตัว ผู้กระทำผิดให้ตำรวจได้ตามจับ หรือยื่นเรื่องฟ้องร้องได้ภายใน10ปี อ้างอิง คือหนีไปเหอะ10ปีเอง555



สารพัดกลโกง “แชร์ลูกโซ่” เกิดง่ายรวยเร็ว

แม้จะมีการปราบปรามกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้ามือแชร์ลูกโซ่ แต่เรื่องก็เงียบหายไประยะหนึ่ง จากนั้นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ก็เกิดขึ้นมาอีก ด้วยรูปแบบของตัวสินค้าที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเจ้าของว่าจะอุปโลกน์อะไรมาเป็นสินค้า แต่เป้าหมายทุกอย่างยังเหมือนเดิมคือดูดเงินจากคนอื่นเข้ากระเป๋าตัวเอง
       
        วิธีการของแชร์ลูกโซ่นั้นส่วนใหญ่มักมุ่งไปที่กลุ่มคนโลภ อยากได้ผลตอบแทนสูง ๆ โดยที่มีขั้นตอนในการลงทุนที่ไม่ยุ่งยาก โชว์ตัวเลขให้เห็นว่าได้ผลตอบแทนมากว่าเงินลงทุนหลายเท่าตัว หลักการแบบนี้สามารถกวาดคนได้ทุกสาขาอาชีพ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่มีการศึกษาสูง
         ดังนั้น การสร้างภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ ตั้งแต่ชื่อบริษัทต้องฟังแล้วทันสมัยหรือเป็นสากล สถานที่ทำการต้องหรูหรา ห้องสัมมนาในโรงแรมหรู การแต่งกายของทีมงานไม่แตกต่างจากนักธุรกิจ ผูกไท ใส่สูท มีแบบฟอร์มพนักงาน
       
        ที่สำคัญที่สุดคือ ตัวผู้บรรยายจะเป็นคนที่มีศิลปะในการพูด พูดทำให้คนคล้อยตามได้ พูดแล้วคนที่มาฟังต้องอยากเป็นสมาชิก แม้ไม่มีเงินก็ขวนขวายที่จะกู้ยืมคนอื่นมาเพื่อมาลงทุน
       
        ในจังหวัดเชียงใหม่ยังมีอีกหลายรายที่ยังเปิดให้บริการอยู่ บางรายคือลูกทีมของแชร์ข้าวสารที่แยกตัวออกมาตั้งกิจการเอง เนื่องจากทราบถึงหลักการใหญ่ของแชร์ข้าวสารแล้วนำมาปรับใช้เป็นของตัวเอง
       
        การเปิดบริษัทใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายเพียงแค่ไปขอจดทะเบียนในรูปบริษัทกับพาณิชย์จังหวัดหรือที่กระทรวงพาณิชย์ จากนั้นก็ดำเนินการได้เลย เพราะไม่มีหน่วยงานใดที่จะเข้ามาตรวจสอบในช่วงเริ่มแรก
       
        เมื่อมีหลายเจ้าดังนั้นการกำหนดผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจึงเป็นเรื่องสำคัญเพราะถือว่าเป็นตัวเลขที่จะเรียกลูกค้าได้ดี รวมถึงเรื่องของวันที่กำหนดให้มารับเงินปันผลแต่ละงวดก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
       

        ตัวอย่างที่เชียงใหม่นั้นกำหนดราคาสินค้าไว้ที่ 1,450 บาท หากไม่รับสินค้าคืนเงิน 800 บาท ซึ่งผู้ที่ต้องการเข้าไปลงทุนนั้นไม่ได้ต้องการสินค้าอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการเงินปันผลที่จะได้รับตามที่เจ้าของแชร์กำหนดไว้ เงินลงทุนเริ่มแรกจึงเท่ากับ 650 บาท จากนั้นอีก 25 วันรับเงินคืน 1,200 บาทและอีก 50 วันรับคืนอีก 800 บาท
       
        สมมติให้กลุ่มแรกที่เข้าไปลงทุนมี 5 คน ลงทุนคนละ 650 บาทเท่ากับเจ้าของได้เงินไปทั้งสิ้น 3,250 บาท วันถัดมาเริ่มกลุ่มที่ 2 เข้ามาหากมีเข้ามาอีก 30 คนเจ้าของจะได้เงินไป 19,500 บาท จากนั้นมีกลุ่มที่ 3 เข้ามาอีก 500 คนจะมีเงินไหลไปที่เจ้าของอีก 325,000 บาท เอาเป็นว่าพอรับกลุ่มที่สามเสร็จครบกำหนด 25 วันพอดี เจ้าของแชร์จะมีเงินอยู่ในมือ 347,750 บาท แต่จ่ายให้กับกลุ่มแรกไปเพียง 6,000 บาท เหลือเงิน 341,750 บาท
       
        จากนั้นก็รับลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ อีกสมมติว่าได้ลูกค้ารอบหลังอีก 1,000 คน จะได้เงินเข้ามาอีก 650,000 บาท เจ้าของจะมีเงินในมือ 991,750 บาท หากกลุ่ม 2 ครบกำหนด 25 วันก็จ่ายเงินคืน 36,000 บาท และถ้าครบช่วง 50 วันที่จะต้องจ่ายเงินให้กับกลุ่มที่ 1 อีก 4,000 บาท เจ้ามือยังเหลือเงินอีก 951,750 บาท
หลักการของแชร์ลูกโซ่คือการเอาเงินค่าซื้อสินค้าของสมาชิกรายใหม่มาให้กับเจ้าของแชร์แล้วนำมาจ่ายต่อให้กับสมาชิกที่เข้ามาก่อนหน้าเท่านั้นเอง นั่นคือตัวธุรกิจนี้จะอยู่ได้ด้วยเงินของสมาชิกใหม่เท่านั้น หากมีสมาชิกใหม่เข้ามาน้อยวงจรการจ่ายเงินคืนให้กับสมาชิกก็จะสะดุดลง
       
        การกำหนดช่วงเวลาเช่น 25 วัน และหลังจากจ่ายครั้งแรกอีก 50 วันนั้นถือเป็นการประมาณการว่าในช่วงเวลาประมาณ 75 วันนั้นน่าจะเพียงพอที่จะหาสมาชิกใหม่เข้ามาจ่ายเงินให้กับเจ้าของและสมาชิกรุ่นก่อนหน้านี้ได้
       
        ในช่วงแรกที่ทุกคนตาโตกับตัวเลขของรายได้ เจ้าของแชร์อาจจะไม่มีเงื่อนไขให้สมาชิกเก่าต้องชักชวนสมาชิกใหม่เข้ามา แต่ถ้าประเมินแล้วว่ายอดสมาชิกใหม่เริ่มอืดก็อาจมีการให้ผลตอบแทนสำหรับสมาชิกเก่าที่สามารถแนะนำสมาชิกใหม่
       
        ตัวเลขที่ยกตัวอย่างนั้นเป็นการสมมติให้ทุกคนลงทุนคนละ 1 หุ้นหรือ 650 บาท ตัวเลขสมาชิกที่เข้ามาแต่ละชุดอาจจะมาหรือน้อยกว่าตัวเลขที่ยกมาก็ได้ เพราะผู้ที่เข้ามาลงทุนจริงๆ แล้วไม่ได้เข้ามาซื้อแค่คนละ 1 หุ้นแน่นอน บางคนลงทุนครั้งแรกกันเป็นแสน ลองคิดดูให้ดีว่าเจ้าของแชร์จะถือครองเงินเป็นล้าน ๆ บาทภายในเวลาไม่กี่วัน
       
        หากต้องการได้เงินที่มากกว่านี้เจ้าของแชร์ก็ต้องบริหารจัดการในเรื่องการหาสมาชิกใหม่ให้ดีพร้อมทั้งจัดสรรเงินให้กับสมาชิกในช่วงแรกๆ ให้ดีเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อจะได้ให้คนที่เป็นสมาชิกเอาไปบอกต่อ ถือเป็นการทำประชาสัมพันธ์ให้กับกิจการตัวเอง แม้ในบางช่วงยอดลูกค้าใหม่อาจจะไม่ตามเป้า ต้องควักเงิน(คนอื่น) จ่ายออกไปบ้างก็ตาม ตราบใดที่ยอดสมาชิกใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องแล้วละก็โอกาสล้มก็จะช้าออกไป
       
        เกมนี้เมื่อถึงเวลาหนึ่งที่ไม่มีรายใหม่เข้ามาถือว่าจบเกม แน่นอนว่าตัวเจ้าของจะทราบว่าสถานการณ์ในขณะนั้นควรจะสู้ต่อหรือเผ่น


ฉ้อโกงประชาชน


มาตรา  343    ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 341 ได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน” หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวในวรรคแรก ต้องด้วยลักษณะดังกล่าวในมาตรา 342อนุมาตราหนึ่งอนุมาตราใดด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

กฏหมายอาญา มาตรา 341 ฉ้อโกง

มาตรา 341 ผู้ใดโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่น ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน ฉ้อโกง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีสังเกตธุรกิจขายตรงแอบแฝงที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่

วิธีสังเกตธุรกิจขายตรงแอบแฝงที่เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่

 1. พิจารณาจากจำนวนสินค้า หรือสิ่งของที่ได้รับจากการร่วมลงทุนในธุรกิจ หากมีการซื้อขายแต่ว่าไม่ได้รับสินค้าหรือสิ่งของใดในการร่วมลงทุน ให้ระวังไว้ว่า ท่านอาจกำลังตกเป็นเหยื่อในการหลอกลวง
          2. หากได้รับสินค้าจากการลงทุนทำธุรกิจแชร์ แต่สินค้าที่ได้มาในการลงทุนไม่คุ้มกับจำนวนเงินที่ต้องเสียไป เช่น การฉ้อโกงธุรกิจแชร์น้ำมันเครื่อง หรือธุรกิจแชร์อุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ จะถูกหลอกให้  ร่วมลงทุน แล้วต้องหาลูกค้ารายอื่นๆ เข้ามาร่วมลงทุนต่อๆกันไป โดยแต่ละรายต้องลงทุนไปจำนวนเงิน 20,000 บาท แต่ได้สินค้าตอบแทนมาเพียงเล็กน้อย เช่น อุปกรณ์ล้างรถ และกระป๋องน้ำยาขัดรถ ราคารวมประมาณ1,500 บาท เมื่อพิจารณาจะเห็นได้ทันทีว่า ไม่คุ้มกับจำนวนเงินที่ชำระไป ซึ่งการกระทำโดยการให้สิ่งตอบแทนที่ไม่คุ้มกับราคานี้ เป็นเพียงการหลีกเลี่ยงกฎหมาย ให้มีลักษณะดูเสมือนว่าเป็นการซื้อขาย     กันจริงเท่านั้น
          3. ในกรณีการชักชวนทำธุรกิจที่ไม่มีสินค้า แต่แอบแฝงมาในรูปแบบของบริการหรือมีลักษณะที่ไม่เป็นรูปธรรม จับต้องไม่ได้ เช่น ชักชวนลงทุนทำธุรกิจให้เช่าพื้นที่ในจัดทำเว็บไซต์ โดยจะมีการชักชวนประชาชนว่าเป็นการเข้าไปสมัครเช่า Hosting และทำธุรกิจโดยการให้เช่าพื้นที่ในการจัดทำเว็บไซต์ในลักษณะเช่าต่อๆกันไปหลายราย ดูเสมือนว่า มีการซื้อขายของกันจริง แต่ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในด้านคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป จะทราบดีว่าการเปิดเว็บไซต์ในแต่ละเว็บไซต์จะมีค่าใช้จ่ายน้อยมาก ฟรีเว็บไซต์เลยก็มี และเว็บไซต์แต่ละเว็บไซต์ที่ทำการเปิดแทบที่จะมีค่าน้อยหรือไม่มีค่าใดๆเลย และที่สำคัญคนที่ต้องการจะจัดทำเว็บไซต์จริงๆแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาขอเช่าพื้นที่จากกลุ่มธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด 
          4. พิจารณาจากรายได้ผลตอบแทน จากการประกอบการของธุรกิจที่มีการชักชวนให้ร่วมลงทุน หากผลประกอบการมีลักษณะที่สูงเกินกว่าปกติ ที่สามัญชนในการประกอบการค้าประเภทนั้นๆ พึงได้ ให้สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเข้าข่ายลักษณะของการฉ้อโกงประชาชนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจแชร์ ที่ผิดกฎหมาย และอาจถูกหลอกลวงได้
          5. การทำธุรกิจโดยการชักชวนประชาชนร่วมลงทุนในลักษณะเครือข่าย หรือลักษณะแชร์ลูกโซ่ หากถูกต้องตามกฎหมาย ธุรกิจเหล่านี้จะต้องทำการจดทะเบียนต่อสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค โดยต้องทำการชี้แจงแผนการทำตลาดให้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ทราบในรายละเอียดของการประกอบธุรกิจที่ชัดเจนทุกขั้นตอน
          6. พิจารณาจากที่ทำการที่ตั้งอันเป็นหลักแหล่งของผู้ประกอบการรวมทั้งการติดต่อของผู้ชักชวนให้ประกอบธุรกิจร่วมว่า มีที่ตั้งของสำนักงานในการประกอบธุรกิจที่แน่นอนหรือไม่ และสามารถที่จะติดต่อได้ตลอดเวลาทำการหรือไม่ หากมีการย้ายที่ประกอบการไปมาบ่อยครั้ง ปิดเว็บไซต์ หรือไม่สามารถที่จะติดต่อได้ น่าจะเป็นการประกอบธุรกิจเพื่อประสงค์ฉ้อโกงประชาชน

วิธีการป้องกันตนเองจากการถูกหลอกลวง
 อย่าหลงเชื่อบุคคลหรือบริษัทที่ชักชวนให้นำเงินมาลงทุนในธุรกิจใดๆ ก็ตามที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนสูงมากในเวลาอันรวดเร็ว หรือหากมีการเร่งรัดให้นำเงินมาลงทุน ขอให้พึงทราบได้เลยว่ากำลังจะถูกหลอกลวง ซึ่งจะทำให้สูญเสียเงินทองและทรัพย์สินในที่สุด นอกจากนี้ ควรตรวจสอบข้อมูลของบุคคลหรือบริษัทอย่างรอบคอบว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด และตรวจสอบเอกสารที่ได้มาว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่และหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบในการออกเอกสารดังกล่าว และหากพบเห็น สงสัย หรือได้รับความเสียหายจากการกระทำของผู้ประกอบการดังกล่าว โปรดแจ้ง “ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ โทร.1359 หรือ ตู้ ป.ณ.1359 ปณจ.บางรัก กรุงเทพฯ 10500 หรือ 1359@mof.go.th 

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ศูนย์ประชุม นีโอไลฟ์ทั่วประเทศ

นีโอไลฟ์มีศูนย์ประชุมทั่วประเทศ ทั่วทุกภาคของประเทศ สนใจที่จะร่วมฟังช่องทางทำธุรกิจ คลิ๊ก

ย้ายที่ประชุม อยุธยา

นีโอไลฟ์สาขาอยุธยา ได้เปลี่ยนที่ประชุม จากโรงแรม เป็นศูนย์สาขาบริษัท  คลิ๊ก

ปฏิทิน VIP,ทำบุญนีโอไลฟ์

ปฏิทินนีโอไลฟ์  คลิ๊ก

อบรมจิตวิทยาครั้งสุดท้ายของปี 2555

กำหนดการอบรมจิตวิทยาของบริษัทนีโอไลฟ์  คลิ๊ก

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

นักธุรกิจ online

ต้องการทำธูรกิจ online  ไม่ยากเลย

   หลายคนที่ทำธุรกิจเครือข่าย วิธีหาลูกค้าโดยคัดลอกลายชื่อ จาก เพื่อน,ญาติพี่น้อง,คนรู้จักหรือแม้คนที่เพิ่งรู้จัก โอกาสที่คนเหล่านี้จะมาเป็นลูกค้าของเราประมาณ 1 เปอร์เซนต์ (ผลการวิจัย) และเมื่อเราหมดบุคคลเหล่านี้แล้ว บางคนต้องหยุด เพราะไม่รู้จะหาใคร ไปต่อไม่เป็น

   ถ้าใครเจอปัญหานี้ ลองใช้อินเตอร์เนต ระบบออนไลน์,โดยมีคอมพิวเตอร์,โทรศัพย์,แทบเลต
 


ขั้นตอนมีดังนี้
 1 มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง โดยซื้อเว็บสำเร็จรูป(ทีมีราคาถูก  ใช้งานง่าย แต่ประสิทธิ์ภาพที่จะให้ผลลัพธ์สูง มี vdo สอนทุกขั้นตอน)
  1.1 คลิ๊กที่นี่
  1.2  อ่านให้เข้าใจ  ,เลือกแพกเกจที่ต้องการ,ตั้งชื่อเว็บไซด์เช่น www.amonsri .com,เช็คดูว่าชื่อที่เราตั้งนั้น ซ้ำกับใครหรือไม่(ให้เช็คที่นี่)
 1.3 โอนเงิน
 1.4 รอรับเว็บทาง Email  ,อ่านให้เข้าใจ  ถ้าไม่เข้าใจให้ดู vdo หรือถามเว็บมาสเตอร์
 1.5 เสร็จแล้ว ลองเล่น

     เมื่อเรามีเว็บไซด์เป็นชื่อของเราแล้ว ก็นำเสนอข้อมูลที่ต้องการ และเมื่อผู้เข้าชมข้อมูลที่เรานำเสนอสนใจเรื่องราวของเรา(โลกของอินเตอร์เนตไม่จำกัดพื้นที่ นั่นคือในโลกใบนี้ที่มีผู้คนทุกมุมโลกก็มีสิทิ์เข้ามาชมและเป็นลูกค้าเราได้  ) แต่ถ้าเราทำแบบระบบเก่าอย่างเดียว ลูกค้าเราก็จำกัดพื้นที่และไม่รู้ว่าเราทำอะไร
 ระบบออนไลน์เมื่อเข้าชมแล้ว  เขาก็จะรู้ว่าเราทำอะไร ดังนั้นเมื่อคนกลุ่มนี้สนใจเขาก็จะกรอกข้อมูลสมัครเข้ามา พูดภาษาเดียวกัน เป็นการกลั่นกรองชันหนึ่ง นั่นคือผู้ที่สนใจคุยเรื่องเดียวกัน(โพกัส ไปที่กลุ่มเดียวกัน)

   เราสามารถแจกเว็บไซด์ให้กับทีมงานได้อีกไม่จำกัด ให้ลูกทีมไปขยายการตลาดเพื่อหาสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมธุรกิจกับเรา

   ไม่ต้องกลัวว่าทำไม่เป็นหรือทำไม่ได้  ลองทำดูก่อน เป็นการช่วยคุณให้มีลูกค้าอีกมากมาย



  

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เพลงสากลเก่าๆ


 




เพลงสากลเก่าจริงๆ By Yai PP

Toy elvis love me tender by staryim244

Murray Head - One Night In Bangkok 1984 [HD]

Sunshine Day - OSIBISA

ตอบโจทย์ เสธ อ้าย ภาค2 01พย55

เสวนาพลังงาน4พย55

วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ปล้นประเทศไทย (เพลย์ลิสต์)

ปล้นประเทศไทย (เพลย์ลิสต์)

ปล้นประเทศไทย (เพลย์ลิสต์)

ปล้นประเทศไทย (เพลย์ลิสต์)

ปล้นประเทศไทย (เพลย์ลิสต์)

วิดีโอที่อัปโหลด (เพลย์ลิสต์)

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กฎหมายอาญา1

กู้ยืมเงินทำอย่างไร ทนายความ

กฏหมายคลายทุกข์ 1

[ MLM ]เว็บขยายงานเครือข่าย

MLM ชุดมะเร็ง

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เพลงกู้ชาติด้วยศาสตร์พระราชา - kai

ดนตรีกู้ชาติ

นุช คนสกล ร้องเพลง

รศ ดร ต่อตระกูล ยมนาค ปราศรัย

สุเทพ วงษ์กำแหง ร้องเพลงในงานชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง

เสธ อ้าย+ดนตรีแมนสปริงเกลอร์ สนามม้านางเลิ้ง

ไทกร พลสุวรรณ ปราศรัย

สุเทพ วงษ์กำแหง ร้องเพลงในงานชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง

นายอนันต์ กาญจนสุวรรณ ประธานเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน จ สงขลา ปราศรัย

สหาย ทปท ดาวแดงปราศรัย

เยาวชนพิทักษ์สยามปราศรัย

สดจากสนามม้านาง ช่วงเช้าT New

สัมภาษณ์ ปปช มาร่วมชุมนุม+บรรยากาศทั่วไปบริเวณสนามม้านางเลิ้ง

สหายดาวแดง+บรรยากาศก่อนเริ่มงานฯสนามม้านางเลิ้ง

ข่าวชุมนุมที่สนามม้าฯ ช่องThai PBS

ข่าวชุมนุมที่สนามม้าฯ ช่อง7

ดร เสรี วงษ์มณฑาปราศรัย สนามม้านางเลิ้ง 28ตค551

ประสงค์ สุ่นศิริปราศรัย สนามม้านางเลิ้ง

พิเชษฐ์ พัฒนโชติปราศรัย สนามม้านางเลิ้ง

พล อ ปฐมพงษ์ เกสรสุขปราศรัย สนามม้านางเลิ้ง

คุณบวร ยสุนทรปราศรัย สนามม้านางเลิ้ง

ดร ณรงค์ เพชรประเสริฐ ปราศรัย กรณีจำนำข้าว

ป้าสำเนียงปราศรัย สนามม้านางเลิ้ง

เสธ อ้ายปราศรัย+VTR

ไก่ แมลงสาปร้องเพลง สนามม้านางเลิ้ง

น้าหว่องมงคล อุทกร้องเพลง สนามม้านางเลิ้ง

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ทางพ้นทุกข์

หลวงพ่อชา : เห็นความจริงเมื่อเห็นตน

บทสวดเจ้าแม่กวนอิมธิเบต.wmv

คาถาปาระมี๓๐ทิศ -The Buddhism prayer : 30 directions of Parame

myBuddishm : คาถาเรียกคน

พระคาถาเงินล้าน เสียงสวดพระวัดท่าซุง

คำบูชาพุทธคุณ (อิติปิโส) ๘๕ จบ

พระคาถา ชินบัญชร เต็ม

บทแผ่พลังเมตตาทั่วทั้งสามโลก

บทแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล

แผ่เมตตา...สัพเพสัพตา

บทแผ่เมตตา-อุทิศส่วนกุศล

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อยากมีเวบไซด์...ง่ายๆ


 อยากมีเวบไซด์ เป็นของตัวเองแต่ไม่มีความรู้ในการทำ......ทำไง
เว็บไซด์ดี....ราคาถูก....ใช้งานง่าย.....สอนให้ทำทุกขั้นตอน

คลิี๊กที่นี่


เพื่อเลือกแพคเกตที่เหมาะกับการใช้งาน ใช้ง่าย ราคาถูก ไม่ซับซ้อน









วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลดน้ำหนักโดยวิธีธรรมชาติ

 
วิธี ที่เราใช้ชีวิตของเราในวันนี้คือต่างโดยสิ้นเชิงกับวิถีชีวิตของผู้คนที่ อาศัยอยู่ 100 ปีมาแล้ว ตอนนั้นกิจกรรมส่วนใหญ่ของผู้คนในสมัยนั้นจะต้องออกแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน หรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับการละเล่น  โรคอ้วนคงไม่ใช่โรคประจำชาติอย่างในประเทศตะวันตกในปัจจุบันป็นแน่  เหตุผลคืออะไร
1. ผู้คนส่วนใหญ่จะกระตือรือร้น
2. เทคโนโลยีก้าวหน้าและทันสมัย ทำให้ลักษณะการใช้ชีวิตเป็นต้องแข่งกับเวลาเลยต้องหันไป
หาความสะดวกในการสั่งซื้ออาหารแบบสะดวกซื้อมารับประทาน ซึ่งไม่ได้มาตราฐานและไม่มี
สารอาหารที่เพียงพอ
หากจะพูดถึงประเทศต่างๆวันนี้ เช่น อเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์พยายามที่จะต่อสู้กับโรคอ้วนในลักษณะเดียวกับการ ป้องกันโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง…มีการผลักดันและเพิ่มงบประมาณเพื่อดูแลระบบการ ดูแลสุขภาพทั่วประเทศ เพื่อจะทำการลดจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคร้ายแรงชนิดอื่น เช่นโรคเบาหวานชนิดที่ 2, โรคหัวใจและเส้นเลือดตีบ/แตก
เมื่อคุณอ่านข้อความนี้และคุณอาจคิดว่า "อืม…ฉันก็ไม่อ้วนอะไร และอีกอย่างก็พยายามรักษาสุขภาพมาโดยตลอด" บางทีคนรอบข้างคุณอาจจะมีน้ำหนักเกินมาตราฐานนิดหน่อย หรือมากเกินกว่าที่คิด
แล้วคุณจะทำอย่างไรเพื่อที่จะลดน้ำหนักลงได้?
อย่างแรกเลยคือคุณลืมไปได้เลยว่าจะมีผลิตภัณฑ์วิเศษมาช่วยคุณลดน้ำหนัก โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร คุณสามารถหาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้ตามร้านขายอาหารเสริมทั่วไปหรือทางอินเตอร์ เนต แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อคุณลองแล้วผลลัพธ์คือไม่ได้ผลซึ่งในบางครั้งกลับทำ อันตรายมากกว่าจะดีกับคุณ อีกอย่างคุณจำเป็นต้องทราบข้อเท็จจริงและคำแนะนำต่อไปนี้:
  • ไขมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย คุณเชื่อหรือไม่ว่า ไขมันในรูปแบบต่างๆ
    (รวมถึงไขมันประเภทอิ่มตัว) นั้นดีสำหรับคุณ ร่างกายของคุณต้องการไขมันเหล่านี้เพื่อทำหน้าที่สำคัญต่างๆ … โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮอร์โมนและระบบสืบพันธุ์ ไขมันทรานส์ในทางกลับกันจะไม่ดีสำหรับคุณ ชนิดของไขมันนี้พบได้ในมันฝรั่งทอด, batters ทอดและรูปแบบที่สุดของรวดเร็ว /อาหารประเภทสะดวกซื้อ หลีกเลี่ยงอาหารอย่าที่เป็นลักษณะไม่มีไขมัน แต่ก็อย่าเลือกอาหารที่มีไขมันสูงอีกเช่นกัน เพียงคุณระมัดระวังการบริโภคไขมันที่สำคัญคุณควรจะหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ใน ทุกกรณี
  • ไขมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้คุณอ้วน แต่กลับเป็นน้ำตาลที่สร้างไขมันต่างหากที่ทำให้คุณอ้วน
  • กินน้อย + การออกกำลังกายมากขึ้น = น้ำหนักลดลง – เป็นสมการง่ายจริงๆ คุณไม่สามารถคาดหวังในการลดน้ำหนักหากคุณมักทานอาหารในปริมาณมาก … ออกกำลังกายที่คุณจะได้ถ้าและการออกกำลังกาย แน่นอนว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณ แต่ร่างกายคุณจะไม่เผาพลาญแคลอรี่ส่วนเกินออก  ที่คุณต้องเพื่อที่จะลดน้ำหนัก
  • ออกกำลังกายอย่างถูกต้องและทำให้มีความสุขเราต้องไม่รู้สึกว่าเป็นการเสียเวลา – หากคุณเห็นว่าการออกกำลังกายเป็นทางเลือกเดียวที่จะสร้างความเจ็บปวดและความ ยุ่งยากแล้วคุณก็ไม่ควรทำ  การออกกำลังกายหมายถึงการทำกิจกรรมทางกาย (หรือกิจกรรมต่างๆ) ที่ต้องใช้ความพยายามบางอย่างที่ทำให้คุณได้เหงื่อ, อาจรู้สึกหอบและเพื่อให้อัตราการเต้นหัวใจเร็วขึ้น จริงๆแล้วคุณสามารถทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่คุณรู้สึกสนใจ  … และทำได้บ่อยๆ  อย่างเช่นคุณไม่ชอบวิ่ง  แต่คุณอยากลองเล่นสควอช คุณก็ไปเล่นสควอช หากิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุขและคุณชอบที่จะทำและอยากจะทำมันทุกวัน … นั่นหมายถึงคุณได้ออกกำลังกาย และมีโอกาสลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นอีกด้วย
  • อย่าคิดอดอาหาร – การอดอาหารนั้นต่างกันมากกับการทำให้ตัวคุณเองมีสุขภาพดี  การอดอาหารอย่างรวดเร็วนั้นกลับทำให้คุณมีน้ำหนักขึ้นในระยะยาว ทั้งนี้เป็นเพราะสมองและร่างกายของคุณจะเกิดกระบวนการสะสมอาหารเมื่อร่างกาย ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ กระบวนการดังกล่าวคือการสำรองไขมันในร่างกายของคุณเพื่อเตรียมพร้อมหากร่าง กายขาดสารอาหารอีก หรืออาจเกิดอาการบวมน้ำเพราะขาดสารอาหาร
  • ลองปฏิบัติตามหลักการควบคุมอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน หมายถึงการรับประทานอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ แต่ต้องให้แน่ใจว่าไม่ลืมรับประทานปลา, เนื้อสัตว์และผักผลไม้สด, น้ำมันมะกอก, ขนมปังและพาสต้า (คาร์โบไฮเดรตไม่ใช่สิ่งที่จะมีแต่โทษอย่างที่คุณได้ยินจากสื่อต่างๆ) และบางครั้งคุณอาจจะอยากดื่มไวน์แดงเป็นครั้งคราว หากคุณปฎิบัติตามนี้ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเป็นประจำก็จะช่วยให้คุณลด น้ำหนักและมีสุขภาพที่ดีได้เช่นกัน
แม้ว่าข้อเท็จจริงและคำแนะนำบางอย่างอาจช่วยลดไขมันส่วนเกิน แต่ก็ยังมีโอกาสที่คุณจะไม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอในการดำรง ชีวิตประจำวัน  เราอาจจะโทษการเกษตรสมัยใหม่,
สารอาหารในดินที่นับวันจะหมดไปจากหลายๆสาเหตุ หากร่างกายของคุณขาดสารอาหารที่จำเป็น, เกลือแร่, วิตามินและกรดอะมิโนจากนั้นคุณก็ไม่สามารถคาดหวังที่จะมีสุขภาพที่ดีที่สุด หรือหวังให้ร่างกายทำงานให้ดีที่สุดได้
และนี่คือเหตุผลที่สำคัญว่าทำไมคุณถึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม ที่สามารถครอบคลุมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างเช่น Total Balanz ซึ่ง มีสารอาหารที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเรา เช่น แร่ธาตุ/วิตามิน อีกทั้งแร่ธาตุที่สำคัญต่างๆ, เอ็นไซม์, สารต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน, ตัวนำต้านปฎิกิริยาไกลเคชั่น, นูโรนูเทรี่ยน, ฟราโวนอยด์, คาร์โรทีนอยด์, ตัวนำเมทริลเลชั่น, อะแด็ปโทเจ้นท์, แคลอรี่ เรสตริ๊กชั่น มีมิค, สารสกัดจากสมุรไพร และโค- แฟ็คเตอร์ที่สำคัญ
อีกสิ่งที่สำคัญคือที่ควรระวัง!…
การขาดไขมันที่จำเป็นในขณะที่คุณพยายามควบคุมอาหารนั้นอาจทำให้คุณอยากรับประทานเพิ่มขึ้นและนี่ก็เป็นเหตุผลว่า  ทำไมคนที่รับประทาน น้ำมันปลาโอเมก้า3/ดีเอชเอ ในขณะควบคุมอาหารจึงได้ผลที่ดีกว่า คุณไม่ควรมองข้ามสาเหตุที่สำคัญเหล่านี้หากต้องการที่จะลดน้ำหนัก น้ำมันปลาโอเมก้า 3/ดีเอชเอ ของเราสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในการลดน้ำหนัก และยังช่วยให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย


วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คุณก็เป็นผู้นำที่ดีได้





             มีความเข้าใจผิดมากมายเกี่ยวกับ “ความเป็นผู้นำ” หลายคนเข้าใจว่า ผู้นำคือ ผู้ที่มีตำแหน่ง!
    บางคนคิดว่า ผู้จัดการ ก็คือ ผู้นำ
    บ้างก็คิดว่า หัวหน้างาน ก็คือ ผู้นำ
    หรือเข้าใจว่า การเป็นเจ้าของธุรกิจ ก็ถือว่าเป็นผู้นำแล้ว
    ไม่ใช่ทั้งนั้นเลย! ความเชื่อเช่นนี้เป็นสาเหตุ
    ทำให้ผู้คนมากมายไม่ได้เรียนรู้ และเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเป็น “ผู้นำ” เมื่อโอกาสมาถึง!
    หนังสือ “คุณก็เป็นผู้นำที่ดีได้” จึงกำเนิดขึ้น
    เพื่อทำลายความเชื่อผิดๆเหล่านี้
    และช่วยคุณให้เตรียมพร้อมที่จะเป็น
    “ผู้นำที่ดี”!
    อย่าให้เป็นเหมือนคำพูดของ จอห์น วู้ดเด้น
    ครูผู้ฝึกสอนบาสเกตบอลระดับหอเกียรติยศ
    ที่กล่าวว่า
“พอโอกาสมาถึง ก็สายเกินกว่าจะเตรียมตัวทัน!”
    ดังนั้น ถ้าคุณต้องการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ จงเรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำก่อนคุณจะมีตำแหน่ง “ผู้นำ”!
คุณก็เป็นผู้นำที่ดีได้ ไม่มีข้อจำกัด
    คุณไม่มีข้อจำกัด!
    ............    บางคนคิดว่าเขาเป็นผู้หญิง ทำงานของผู้ชายไม่ได้ ไม่จริง!
    ............    บางคนคิดว่าเขาเรียนมาน้อย สู้คนจบสูงไม่ได้ ไม่จริง!
    ............    บางคนคิดว่าเขาเป็นเด็กต่างจังหวัด สู้คนกรุงเทพไม่ได้ ไม่จริง!
    คุณไม่มีข้อจำกัดเลย! ยกเว้นคุณสร้างมันขึ้นมาเอง!
    จงทำลายมันซะ!
    คุณก็สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้
    ถ้าคุณตั้งใจตั้งแต่บัดนี้
    จงเรียนรู้ ฝึกฝน ถามคนที่เขาเป็นผู้นำที่ดี
    จงถอดแบบความสำเร็จจากผู้สำเร็จ
    เพื่อเป็นการเรียนลัด เพราะว่า...
    คนฉลาดเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น
    คนทั่วไปเรียนรู้จากประสบการณ์ตนเอง
    และคนโง่ ไม่เรียนรู้อะไรเลย!
    จงเรียนรู้ความเป็นผู้นำที่ดี  จากผู้นำที่ ดี                                                                                   เข้าไปหาเขา มอบตัวเป็นศิษย์
    ขอให้เขาเป็นโค้ชให้คุณ
    คุณจะประหยัดเวลามากมายในชีวิต
    ถ้าคุณเรียนรู้จากผู้สำเร็จที่เขาไปถึงจุดนั้นมาก่อนคุณ
    คุณก็เป็นผู้นำได้ ถ้า...เข้าใจ...
เรื่อง “ตำแหน่ง” เสียก่อน
    มีความเข้าใจผิดมากมายในหลายองค์กร ก็คือ พวกเขาคิดว่า เขามาถึงจุดสูงสุดของการเป็นผู้นำแล้ว คือ “การมีตำแหน่ง” นั่นเอง แท้จริงแล้ว “ความเป็นผู้นำ” มิใช่ตำแหน่งเท่านั้น ความเป็นผู้นำ มีความหมายมากไปกว่า การมีตำแหน่ง
    ลองมาดู บันไดสู่การเป็นผู้นำที่จอห์น ซี แม๊กซ์เวลล์ สรุปไว้ดังนี้คือ


ผู้นำ 5 ระดับ



    1. ระดับตำแหน่งหน้าที่   
        - ผู้คนยอมตามเพราะเขาต้องทำ
    2. ระดับการยินยอม
           - ผู้คนยอมตาม เพราะเขาอยากตาม
    3. ระดับการสร้างผลงาน
           - ผู้คนยอมตาม เพราะสิ่งที่คุณทำให้แก่องค์กร
    4. ระดับการพัฒนาผู้คน
       - ผู้คนยอมตาม เพราะสิ่งที่คุณทำให้เขา
    5. ระดับความมีลักษณะเฉพาะตัว
      - ผู้คนยอมตาม เพราะบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวของคุณ และสิ่งที่คุณแสดงออกมา
    ในระดับที่ 1 คือ ระดับตำแหน่งหน้าที่
เมื่อคุณเห็น บันไดสู่การเป็นผู้นำดังกล่าวแล้ว คุณจะเข้าใจว่า ตำแหน่ง เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
    ไม่ใช่จุดสิ้นสุด! “ตำแหน่ง” อาจเป็นอันตรายต่อตัวคุณได้ ถ้าคุณไม่รีบก้าวขึ้นไปอีกขั้น
    ในระดับที่ 2 คือ ระดับการยินยอมซึ่งคุณมีความสัมพันธ์อันดี มีความห่วงใย ให้เกียรติ ให้ความสำคัญกับผู้อื่น และคุณได้รับ ความไว้วางใจจากผู้ตาม พวกเขาตามคุณ เพราะอยากจะตามด้วยตัวเขาเอง มิใช่ เพราะตำแหน่งหน้าที่อีกต่อไป
    ในระดับที่ 3 คือ ระดับของการสร้างผลงานคุณก้าวมาถึงระดับนี้ได้ เพราะ “ผลงาน” ที่คุณทำสำเร็จและเนื่องจาก คุณเข้าไปช่วยเหลือทีมงาน ผู้คนจึงยอมตามคุณเพราะสิ่งที่คุณทำให้แก่องค์กร
    ในระดับที่ 4 คือ ระดับของการพัฒนาผู้คน
    คุณต้องพัฒนาผู้อื่น ทุ่มเทกับการพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยการ ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ และพัฒนาขีดความสามารถในการเป็นผู้นำ ในระดับนี้ผู้คนตามคุณเพราะว่า สิ่งที่คุณทำให้กับเขานั่นเอง!
    ในระดับที่ 5 คือ ระดับการมีลักษณะเฉพาะตัว
    นั่นเกิดจากการกระทำในระดับที่ 1-4 อย่างต่อเนื่องยาวนาน จนคุณได้รับความเคารพนับถือ
    หน้าที่ของผมก็คือ การนำพาคุณไปสู่การเป็นผู้นำในแต่ละระดับเพื่อให้คุณสามารถเป็นผู้นำที่ดี ผู้นำที่มีประสิทธิผล ตลอดจนเป็นผู้นำที่สามารถสร้างผู้นำรุ่นต่อไปได้
    เรามาเริ่มต้นกันด้วย........
       

อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย