วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การ “แสวงหาผู้นำ”

หลักการเริ่มต้นในการ “แสวงหาผู้นำ”

และ “การสร้างผู้นำ” ในธุรกิจเครือข่าย
- เก่งคนเดียวไม่ได้ ต้องมีทีมงาน หรือดาวไลน์เก่งด้วย
- คนเก่งที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง ช่วงเริ่มแรกจะโตเร็วมาก แต่หลังจากนั้นจะชะลอ
- เราต้องแสวงหาผู้ที่มีแววว่าจะเป็นผู้นำ และพัฒนาสร้างผู้นำคนนั้นขึ้นมา
- เราสปอนเซอร์ทุกคน ไม่เลือกว่าเก่งหรือไม่เก่ง แต่เราจะไม่สร้างทุกคนให้เป็นผู้นำ
- เราต้องคัดเลือกและแสวงหา เพื่อมาพัฒนาความรู้ ทักษะ ความสามารถ

วิธีคัดเลือก
- คนที่ยอมเรียนรู้ ไม่มีข้อแม้ในการทำธุรกิจ
- กระตือรือร้นทำธุรกิจ

วิธีค้นหา
- สปอนเซอร์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งติดตัว และสายลึก
- ถ้ามุ่งมั่น และไม่ลดละความพยายาม ไม่ช้าหรือเร็ว ก็จะค้นพบ
เมื่อค้นพบผู้นำ ขั้นต่อไป

- การติดตามพัฒนาสร้างผู้นำ
- หลายคนกระตือรือร้น แต่ 3 – 4 เดือน ก็เลิกจากธุรกิจไป

สาเหตุคือ
- เราค้นพบผู้นำ แต่สร้างไม่เป็นต่างหาก
- ผู้นำในธุรกิจ ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นจาก การติดตาม พัฒนา สร้างเขาขึ้นมาเป็นผู้นำ ต้องใช้เวลา เดือน ถึง 1 ปี แต่ผลตอบ แทนมันคุ้ม เป็นรายได้เกินกว่า 6 หลักในอนาคต 1 ถึง 2 ปี

ผู้นำต้องทำได้ 10 ข้อ

1. รู้และเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของบริษัท

2. เข้าใจและสามารถอธิบายแผนการตลาดได้

3. ใช้สินค้าอธิบายแนะนำคุณประโยชน์ของสินค้าได้

4. ตอบข้อโต้แย้งหรือแก้ไขข้อโต้แย้งที่พบบ่อยๆได้

5. อธิบายข้อดีของธุรกิจ MLM ให้คนเข้าใจได้

6. เข้าใจระบบงาน การเช็คยอด ตรวจสอบเป็น

7. วิเคราะห์ผลการทำงานประจำเดือนเป็น ว่าดีขึ้นหรือตกต่ำ และกำหนดวิธีการทำงานในอนาคตได้

8. เป็นวิทยากร แนะนำธุรกิจและฝึกอบรมความรู้ได้

9. จัดการประชุม ทีมงานเป็น

10. มีวุฒิภาวะในการเป็นผู้นำองค์กร

- ประเมินทุกๆ เดือนว่าทีมงานมีการพัฒนาเป็นอย่างไรบ้าง โดยให้คะแนนแต่ละข้อ ถ้าคะแนนไม่ถึง 25 มีโอกาสล้มเหลว มนุษย์ทุกคนไม่มีใคร สมบูรณ์แบบมาก่อน แต่สามารถพัฒนาได้ หน้าที่ของเราที่ต้องพัฒนาเขาให้มีความรู้ ความสามารถ จนเขาประสบความสำเร็จ

- ถ้าเราไม่สามารถ สอนหรือพัฒนาเขาได้ ให้นำมาที่ประชุม ที่มีแม่ทีมระดับสูงจัดขึ้น เมื่อเขามีโอกาสได้เรียนรู้สม่ำเสมอ เขาสามารถที่จะเป็นผู้นำ และประสบผลสำเร็จได้

แบ่งเวลาทำงานอย่างไร ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ธุรกิจ MLM ไม่มีเพดานของรายได้

ปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่ล้มเหลวจากธรกิจ MLM คือ

- ลงมือทำน้อยเกินไป

งานประจำ ราชการ รัฐวิสาหกิจ ทำประมาณ 23 วันต่อเดือน

ค้าขาย หรือทำธุรกิจส่วนตัวอาจจะทำตลอดทั้งเดือนไม่มีวันหยุดเลย

แล้วทำธุรกิจ MLM ควรจะทำเดือนละกี่วันดี

บางคนบอกว่าได้โบนัส 500 บาทเอง เดือนที่ผ่านมาท่านทำกี่วัน กี่ชั่วโมง

บางคนบ่น สมัครมา 1 ปี ได้โบนัส เดือนละ 1,000 เอง ที่ผ่านมาเดือนหนึ่งทำงานกี่วัน เดือนหนึ่งต้องทำอย่างน้อย 15 วัน ตั้งใจทำงาน โดย

แนะนำบริษัท สินค้า แผน เชิญชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ เป็นพี่เลี้ยง แนะนำวิธีการทำงานให้ดาวไลน์

เข้าประชุม ฝึกอบรมความรู้ ความสามารถ ไม่ขาดการประชุม ทำงานอย่างน้อย 15 วันต่อเดือน เพื่อแลกกับความหวังของชีวิต

"เมื่อตัดสินใจทำ ต้องทำให้ได้และให้ดี "

ทำ MLM ต้องคิดให้เป็นถึงสำเร็จ

เราต้องการสิ่งเหล่านี้ในอนาคตหรือไม่

- รายได้เดือนละ แสนต่อเดือน

- บ้านหลังใหญ่

- รถคันหรู

- เงินเก็บมากมาย

มนุษย์เก่งเพราะเขาได้พบ ได้เห็น ได้เรียนรู้ ได้ปฏิบัติ

- ถ้า 5 ปีประสบผลสำเร็จ มันคุ้มค่าหรือเปล่า 5 ปี เพื่อแลกกับชีวิตที่มีคุณภาพ

- เป็นการลงทุนกับเวลาที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับเวลาที่เหลืออยู่อีกหลายสิบปี

“เพื่อแลกกับบางอย่างที่สำคัญต่อชีวิต”

- คุณต้องเรียนรู้ อ่านหนังสือ

คุณจะประสบความสำเร็จเร็วขึ้นเพราะการจัดประชุมแนะนำธุรกิจ

ความสำเร็จเกิดจากการสร้างองค์กร
- ให้มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ บริษัท สินค้า และแผนการตลาด
- ถ่ายทอดในสิ่งที่รู้ได้
- แนวทางในการพัฒนาทีมงาน

- วีซีดี

- หนังสือ

- ประชุม

- RES

ความสำเร็จในธุรกิจที่โตและได้ผลที่สุดคือ การจัดประชุม
- การจัดประชุม เพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจ
- การจัดประชุม แนะนำผลิตภัณฑ์
- การจัดประชุม เพื่อแนะนำวิธีการทำงาน และเทคนิค เพื่อพัฒนาทีมงาน
- การจัดประชุม เพื่อเน้นกิจกรรมกลุ่ม เพื่อสร้างสายสัมพันธ์
- การจัดประชุม เพื่อกระตุ้นพลัง ยกย่องผู้ประสบความสำเร็จ จุดไฟการทำงาน
การจัดประชุมกลุ่มย่อยไม่กี่คน
- ที่บ้าน
- สำนักงาน
- ศูนย์
- โรงแรม

คนที่ประสบความสำเร็จมีคุณสมบัติที่เหมือนกันอยู่ข้อหนึ่งคือ
- สามารถจัดกลุ่มประชุมเองได้ ทำสม่ำเสมอ บางท่านเป็นวิทยากรเองได้ บางท่านเชิญแม่ทีม

สรุปถ้าท่านอยากเติบโตเร็วท่านต้องเริ่มจัดประชุมกลุ่มองค์กรของท่าน หากจัดถี่ องค์กรยิ่งเติบโตเร็ว มิใช่ทยอย สร้างทีละคน คนที่เขาประสบความสำเร็จ อดีตเขาก็จัดประชุมไม่เป็น เป็นวิทยากรไม่เป็นแต่เขารู้จักเริ่มรวมกลุ่มจัดประชุม และพัฒนาเรียนรู้

เริ่มจัดประชุม
- ที่บ้าน
- ที่ทำงาน
- ศูนย์
- นัดแม่ทีมที่บรรยายเป็น
- เราเป็นลูกมือ และฝึกหัด เราต้องเป็นภายใน 2 – 3 เดือน
- ใหม่ๆยืมจมูกคนอื่น แต่เราไม่สามารถยืมได้ตลอดไป

ความสำเร็จในการจัดประชุมขึ้นอยู่กับ ความพร้อมในการจัดประชุม

การจัดประชุม
- สถานที่ต้องสะดวก ง่าย บรรยากาศดี ไม่มีสิ่งรบกวน
- มีเพลง ภาพโฆษณาสินค้า ภาพผู้ประสบผลสำเร็จ
- มีรางวัลจูงใจให้มาประชุม
- แสดงออกถึงความกระตือรือร้น ทั้งท่าทาง และคำพูด
- ไม่มีการตำหนิปมด้อยของผู้เข้าร่วมประชุม
- เตรียมใบสมัคร สินค้าตัวอย่าง และสำรองสินค้าไว้จำหน่ายได้ทันที
- วางแผนกำหนดวันประชุมครั้งต่อไป
- เตรียมสินค้าให้ผู้ร่วมประชุมทดลองทานด้วย

จัดไม่เป็นก็ต้องหัดจัด

“ถ้าคุณมุ่งมั่น ความสำเร็จรอคุณอยู่”

เรียนรู้เทคนิค...การเป็นวิทยากรในธุรกิจMLM

- เรารู้ว่าอีก 2 – 5 ปี เราประสบความสำเร็จได้
- เราจะอาศัยที่ประชุมอย่างเดียวไม่ได้ เพราะ 1 อาทิตย์มี 1 ครั้ง
- จุดไหนที่ไม่มีวิทยากรบรรยาย จุดนั้นก็จะหดตัว
- มีคนใหม่เข้ามา คนเก่าเลิกไป เราต้องสร้างวิทยากร
- ใครๆก็เป็นวิทยากรได้ ขอให้มีความกล้า และเรียนรู้ในสิ่งที่จะพูด

หน้าที่ของวิทยากรคือ
- เป็นผู้ทำให้เกิดความรู้
- เป็นผู้บรรยาย
- เป็นผู้สอน
- เป็นผู้ฝึก
- เป็นพี่เลี้ยง

การเป็นวิทยากรที่ดี
-เป็นคนช่างสังเกต พฤติกรรมทางกาย วาจา จากวิทยากรที่ท่านชอบ และลอกเลียนแบบ
- อ่านหนังสือ ฝึกถ่ายทอด

ผู้นำกับวิธีการขยายองค์กรให้เติบโต

ผู้นำกับวิธีการขยายองค์กรให้เติบโต
นโปเลียน ฮิลล์ กล่าวถึงกฎข้อหนึ่งในหลักการอันสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จคือ พยายามสร้างนิสัยในการทำดีกว่ามาตรฐานที่เคยทำอยู่ในฐานะที่ท่านก้าวสู่ผู้นำจากการทำธุรกิจอิสระ ท่านจำเป็นที่จะต้องหมั่นดูแลองค์กรของตน และจัดทำบัญชีรายชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ชื่อเล่นเพื่อพร้อมสำหรับการติดต่อ พูดคุยในเรื่องธุรกิจ MLM หรือระบบเครือข่าย ท่านจะได้ทราบว่า

ดาวไลน์ใหม่หรือหรือเก่า เขามีพื้นฐานความรู้ในระบบ MLM อยู่มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เขาได้รู้แจ่มแจ้งใน สินค้า แผนการตลาดการที่ดาวไลน์มีข้อมูลจากท่าน ความเชื่อมั่นก็จะบังเกิดทั้งผลงานด้านกำลังคนและยอดขายก็จะตามมา ต่อไปนี้เป็นวิธีที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนดาวไลน์ให้ได้ผลและประสบความสำเร็จอย่างมั่นคง ซึ่งผู้เขียนได้มาจากหนังสือกลยุทธ์การทำธุรกิจ MLM ให้สำเร็จโดยชมรมพัฒนาธุรกิจเครือข่ายขายตรง เพื่อความมั่งคั่ง มั่งมี ของท่านและทีมงานทั้งใหม่และเก่าดังนี้

วิธีชาวยสนับสนุนดาวไลน์ให้ได้ผลและประสบความสำเร็จอย่างมั่งคั่ง
ก. การร่วมงานกับดาวไลน์ใหม่
- เน้นใช้สินค้าทุกชนิด
- สาธิตสินค้าเพื่อเน้นให้เขาใช้และมีความเชื่อมั่นในสินค้า
- ชวนเข้างานที่บริษัทจัดขึ้น
- ย้ำแผนการตลาด
- เน้นให้เห็นภาพขนาดใหญ่ของบริษัท
- ช่วยให้เขามีดาวไลน์
- ช่วยประชุมที่บ้านและฝึกให้เขาทำเอง
- สอน / แนะนำวิธีพูด, สาธิตสินค้า, การเตรียมอุปกรณ์สาธิต
- ฝึกฝนวิธีพูดแผนการตลาด
- จัดเตรียมเอกสารที่เหมาะสมให้ศึกษา
- แนะนำวิธีการตอบข้อสงสัยที่มักพบบ่อยๆ
- แนะนำวิธีพูดถึงความสวยงามของธุรกิจ MLM

ข. การร่วมงานกับดาวไลน์ที่เริ่มมีผลงาน
- ให้ความรัก ความเป็นกันเอง จำชื่อเขาให้ได้
- ชื่นชมผลงานของเขา สร้างสายสัมพันธ์ที่ดี
- แนะนำสินค้าตัวใหม่ที่มีเพิ่มขึ้น
- เคลียร์แผนการตลาดให้ชัดเจน ความยุติธรรม
- การฝึกพูดขึ้นเวที ความเคยชิน
- การให้กำลังใจ คุณทำได้
- แนะแนวทางในการสร้างธุรกิจที่ถูกต้องเพื่อนำไปถ่ายทอด
- ส่งเข้าอบรมตามที่บริษัทจัด
- พาเข้าสัมมนานอกสถานที่ รับฟังประสบการณ์จากต่างกลุ่ม
- จัดประชุมที่บ้าน ให้มีส่วนร่วม ฝึกการถ่ายทอด
- จัดอบรมสินค้าเพิ่มเติม
- เน้นหลักการปะชุม ให้มั่นใจว่าดีและถูกต้อง
- ทำให้เขาดู - ดูเขาทำ - ให้ทำเอง
- ให้หาหนังสือการพัฒนาตนเองอ่านเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

ค. การร่วมงานกับการทำงานตามธรรมชาติ
- ให้เรียนรู้ขั้นตอนการทำงานตามธรรมชาติ
ขั้นที่ 1 การสร้าง
ขั้นที่ 2 การวางแผนให้ดาวไลน์ทำเอง
ขั้นที่ 3 การปกป้องตนเอง เมื่อธุรกิจตกต่ำ
- เป็นการทำงานพื้นฐานเหมือนเดิม
- ถ่ายทอดและฝึกการทำงานแบบมืออาชีพ
- ถ่ายทอดบุคลิกภาพ การเป็นผู้นำที่ดี
- มอบหมายความไว้วางใจและภาระตามอัตภาพ
- หาเอกสาร, หนังสือที่เหมาะสมกับผู้นำและแรงบันดาลใจ
- แนะนำเทคนิคและวิธีช่วยเหลือดาวไลน์
- พาเข้าฝึกอบรมกับบริษัทให้มากที่สุด

ง การร่วมงานกับสายงานที่มีตำแหน่งในบริษัท
- ดึงเข้าร่วมงานและมีส่วนร่วมในหน้าที่ต่างๆ หมุนเวียนไป
- ช่วยถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ให้ดาวไลน์ในทีมงานและองค์กร
- ฝึกการทำงานเป็นทีม สร้างสายสัมพันธ์ในองค์กร
- ให้คำปรึกษากับดาวไลน์ในสายงานล่างๆ ลงไป
- ให้ความรัก ความอบอุ่น การช่วยเหลืออย่างสม่ำเสมอ
- ติดต่อสื่อสารรอย่าให้ขาดหายจนเกินไป
- สร้างความสำเร็จให้เห็นเพิ่มเติม
- การเป็นแบบอย่างที่ดี
- เน้นให้มีการเรียนรู้ศึกษาพัฒนาทักษะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
- แนะนำวิธีการบริหารการเงิน
- แนะนำวิธีวิเคราะห์องค์กร การช่วยเหลือดาวไลน์

ฝึกวิธีถ่ายทอด - การแนะนำและสาธิตสินค้า
- การพูด, แผนการตลาด
- ความสวยงามของธุรกิจ MLM
- การตอบข้อโต้แย้งต่างๆ
- ให้ความสำคัญต่อข้อมูลข่าวสาร ในทุกระดับความสำเร็จ
- แนะนำบทบาทและหน้าที่ในฐานะผู้นำในองค์กร
- เข้าฝึกอบรมทุกๆ รูปแบบและระดับขั้นแห่งความสำเร็จ
- เน้นความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรมต่อองค์กร

จ. การทำงานเพื่อเป้าหมายระดับสูงในบริษัท
- ทำงานพื้นฐานตลอดเวลา สม่ำเสมอและเป็นตัวอย่างที่ดี
- จัดฝึกอบรมให้เหมาะสมให้ทีมงานและดาวไลน์ต่างๆ
- อย่าไว้ใจยอดจำหน่ายของแต่ละคน
- แบ่งเวลาให้ถูกต้อง การพักผ่อน ความอบอุ่นในครอบครัว
- ตั้งเป้าหมายไว้ให้สูงและไม่เสียเวลากับอุปสรรคภายใน
- ช่วยคนดีให้สำเร็จ ทำงานอย่างมีความสุขสนุก
- ให้ข้อมูลเป็นระยะสม่ำเสมอ
- เน้นการทำงานแนวรุก
- ฝึกฝนทีมงานให้มีหัวใจบริการ
- ปรับตัวเองให้เป็นผู้สนับสนุน อำนวยความสะดวก
- ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยข้อมูลข่าวสารรวดเร็ว
- เป็นการพัฒนาองค์กรแห่งการเรียนรู้
- เน้นความสำคัญของลูกค้า
- ยึดมั่นในกฎและจรรยาบรรณของบริษัท

ฉ. คุณสมบัติผู้ที่จะมีระดับสูงสุดของบริษัท
- พร้อมที่จะพัฒนาบุคลิกภาพ ยอมแลกเพื่อความสำเร็จ
- อย่าหยุดการเรียนรู้
- มุ่งมั่น มั่นคง เยือกเย็น ไม่ย่อท้อ จิตใจเข้มแข็ง
- ข้อมูลข่าวสารไว ส่งผ่านองค์กร
- ในจิตใจไม่มุ่งหวังพึ่งผู้อื่น ไม่มีข้อแม้
- ไม่หวั่นไหวกับสภาพแวดล้อม
- ทำให้เขาดูมาก ๆ ไม่ใช่พูดให้เขาทำ
- ฉลาดที่จะเลือกทำงานกับคน เป็นผู้นำทางความคิด
- มีความเชื่อมั่นในตนเอง แน่วแน่ในเป้าหมาย
- จัดประชุมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อพัฒนาองค์กร
- จัดฝึกอบรม สาธิตผลิตภัณฑ์
- สามารถให้กำลังใจตนเองและผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง
- มีความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อทีมงานอย่างจริงใจ
- วางตนให้เหมาะสมกับตำแหน่ง เสมอต้นเสมอปลาย
- เป็นนักธุรกิจที่ดี มีคุณธรรม ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา
- เป็นตัวอย่างที่ดี มีน้ำใจ ไม่ผิดจรรยาบรรณ
- เปิดใจกว้าง รับฟังคำชี้แนะ/ข้อเสนอแนะจากผู้อื่น

เมื่อท่านได้ทำงานกับดาวไลน์ทั้งใหม่และเก่า ช่วยให้ดาวไลน์มีผลงานมากขึ้น ทำงาน เช่นกันกับสายงานที่มีตำแหน่งในบริษัท การทำงานเพื่อเป้าหมายระดับสูงในบริษัทคือการได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ ย่อมทำให้ได้รับผลตอบแทนคือได้ขยายเครือข่ายองค์กรของท่านให้เติบโตต่อไป ทั้งกว้างและลึกลงไปไม่สิ้นสุด
อ้างอิง : นสพ.เส้นทางนักขาย ปีที่ 6 ฉบับที่ 138 ปักษ์แรก ประจำวันที่ 1-15 สิงหาคม 2551

วิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง 8 ข้อ

วิธีสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง 8 ข้อ
1. ไม่มีคำว่าต่ำต้อย และอย่าดูถูกตัวเองเด็ดขาด
โปรดจำไว้ให้แม่นว่า แม้คุณจะไม่ได้ดิบดีวิเศษวิโสเท่าคนอื่นๆ แต่คุณก็มีอะไรดีๆ มากมายอยู่ในตัวเอง เพียงแต่รอเวลาที่จะเผยโฉมหน้าของมัน ให้ใครต่อใครชื่นชม อย่าดูถูกตัวเองเด็ดขาด เพราะจะเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นอย่างร้ายแรงที่สุด แม้ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์คุณในทางร้ายอย่างไรก็จงเฉยเสีย อย่าไปตอบโต้ เพราะไม่มีใครหรอกที่อยากเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเอง
2. กล้าที่จะเสี่ยง
คุณควรที่จะลองเสี่ยงกับชีวิต โดยการออกไปเผชิญโลกภายนอกที่ไม่คุ้นเคยบ้าง หาประสบการณ์แปลกใหม่ สร้างสีสันให้กับชีวิต รู้จักเพื่อนใหม่ๆ เปิดใจมองโลกให้กว้าง ยิ้มเข้าไว้ในทุกแห่งที่คุณย่างกรายไป รอยยิ้มเป็นประตูอย่างดีสำหรับมิตรภาพ
3. มีมนุษย์สัมพันธ์
เพราะคนที่จะดึงดูดใจคนอื่นนั้น โดยมากจะไม่ใช่คนที่วางเฉย หากเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี หาโอกาสคุยกับคนใกล้เคียงก่อน แล้วกระจายไปยังคนรอบข้าง ยิ่งคุณผูกมิตรกับคนทั่วไปมากขึ้นเท่าไหร่ เสน่ห์ในตัวคุณก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่ที่ควรระวังคืออย่าพูดมากเกินไป จนคู่สนทนาเกิดความรำคาญ
4. รอบรู้สนใจในทุกๆ เรื่อง
ต้องพึงหาความรู้ใส่ตัวไว้ในทุกๆ เรื่อง เผื่อว่ามีคนถาม แล้วคุณจะได้แสดงภูมิปัญญาออกไปให้เขาฮือฮาเล่น แต่อย่าอวดตัวเองว่าแน่เหลือหลาย เพราะแทนที่จะเป็นผลดีกลับติดลบ แม้ว่าคุณเก่งจริงก็ตาม ไม่สังเกตหรือว่าคนที่เข้ากับใครๆ ได้ทุกคนคือคนที่รู้จักถ่อมตัว ถ้าเรื่องไหนที่คุณไม่รู้ก็จงบอกออกไปเรียบๆ ว่าไม่ได้ติดตามเรื่องนี้ แล้วถามกลับอย่างสุภาพว่าเขาพอจะให้ความรู้แก่คุณบ้างได้ไหม อย่าดันทุรังตอบไปข้างๆ คูๆ เด็ดขาด
5. ท่วงท่าให้ดูสง่างาม มั่นใจ สร้างความดูดีให้กับตัวเอง
คุณอาจเคยเห็นคนที่มองรวมๆ แล้วดูดีมีเสน่ห์กว่าคนหล่อหรือสวยแต่บุคลิคหรือการแต่งตัวไม่ดี เพียงเรามีความคิดที่เอาใจใส่ตัวเอง หน้าตาที่เข้าท่าให้ดูสง่า มั่นใจดูแลผิวพรรณให้สะอาดสะอ้าน แต่งเนื้อแต่งตัวให้เหมาะกับโอกาสและสถานที่ ผมเผ้าทำให้รับกับใบหน้า อย่าตามแฟชั่นจนเกินงาม เพราะอาจไม่เหมาะกับเราก็ได้ ยิ่งคุณดูแลตัวเองมากขึ้นเท่าไหร่ ผลกระทบจากสายตาคนภายนอกก็จะส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตัวคุณเพิ่มมากขึ้น
6. หมั่นชมผู้อื่นด้วยความจริงใจ
อย่าสงวนคำพูดชมเชยคนอื่นไว้เพื่อตนเอง ถ้าคุณชื่นชมใครจงแสดงออกมาอย่างจริงใจ เพราะในที่สุดคำชมนั้นจะหวนกลับมาหาคุณเอง เพราะเมื่อคุณเห็นความดีงามในตัวผู้อื่น เขาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องชมเชยคุณเช่นกัน เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณด้วย อย่าไปคิดว่าการชมเชยผู้อื่นเป็นเรื่องไม่ดี ไม่จริงใจ เพราะนั่นก็เป็นการแสดงถึงการที่คุณก็เชื่อในความคิดของคุณเหมือนกัน จึงกล้าชมเชยเขาออกไป
7. หยิบใจเขามาใส่ใจเรา
การมองโลกด้วยสายตาคนอื่น เป็นคุณสมบัติที่น่ารักมากทีเดียว เพราะเมื่อคุณยืมสายตาของคนอื่นมาไตร่ตรองในการกระทำที่ทำลงไป ก็จะรู้ซึ้งว่าที่ทำไปน่ะถูกรึเปล่า บางครั้งเราอาจจะคิดว่าตัวเราที่เป็นอยู่น่ะ มันดีเลิศประเสริฐศรีหาใครเทียบเทียมแล้ว แต่ความจริงในสายตาของคนอื่นกลับกลายเป็นคนที่เฉิ่มเบ๊อะที่หลงตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา ลองมองตัวเองด้วยสายตาของผู้อื่น แล้วจะรู้ก้าวต่อไปที่จะเดินไปข้างหน้านั้น ไปขวางหูขวางตาชาวบ้านเขารึเปล่า หรือว่าเขากำลังมองดูเราอย่างชื่นชมกันแน่
8. ลบล้างความทรงจำที่เลวร้าย
ถ้าคุณมีความทรงจำที่ทำร้ายความรู้สึกมาก่อน จงลบล้างมันเสียให้หมด เพราะคุณอยู่กับวันนี้และพรุ่งนี้เท่านั้น เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี นึกเสียว่าเรากำลังเรียนรู้โลกทั้งสองด้าน มีทั้งดีและไม่ดี อย่าไปเก็บความทรงจำในอดีตมาคิดให้ขุ่นมัวเสียความมั่นใจไปเปล่าๆ
วิธีสร้างความมั่นใจด้วยตัวเองง่ายๆ แค่ 8 ข้อนี้ ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ถ้าเรามั่นใจและเป็นตัวของตัวเองในแบบฉบับของคุณอยู่แล้ว รับรองว่างานของคุณต้องประสบความสำเร็จแน่นอน....

********************

วิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง

วิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
ในช่วงที่คุณรู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ ไม่อยากจะทำอะไรสักอย่างเพราะมีเหตุการณ์มากระทบกระเทือนจิตใจ แล้วคุณจะทำยังไงดี??

ให้กำลังใจตัวเอง บอกกับตัวเองว่า คุณยังมีหวัง คุณยังมีความสามารถที่จะฝ่าฟันความรู้สึกแย่ๆ นี้ไปได้ . . . เข้มแข็งเอาไว้!
บอกใครสักคนให้รับรู้ เพื่อแบ่งปันความรู้สึกต่อกัน . . .แต่ถ้าหาไม่ได้ กระดาษกับดินสอใกล้มือ เขียนระบายความไม่สบายใจ อารมณ์ที่สลดหดหู่ทั้งหมดลงไป การระบายแบบนี้จะทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นระดับหนึ่ง
มองหาข้อดีของตัวเอง คนทุกคนจะต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเอง คุณอาจจะถูกใครต่อใครต่อว่ามามากมาย แต่ที่พึ่งสุดท้าย ก็คือ ตัวคุณเอง ดังนั้นขอให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่ตัวเองได้เคยทำมาตั้งมากมาย
มองโลกในแง่ดี สิ่งที่คุณเจอมันไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด ถึงมันจะทำให้คุณรู้สึกแย่ขนาดไหน แต่คุณก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ และท้ายสุดมันก็จะกลายเป็นประสบการณ์สอนใจให้คุณเข้มแข็งขึ้น
. อย่าลังเลที่จะเข้าไปหาคนที่เขารักคุณ และบอกกับเขาว่าคุณกำลังรู้สึกแย่ขนาดไหน และคุณต้องการอะไร เขานั่นแหละที่จะเป็นผู้ให้กำลังใจคุณได้เป็นอย่างดี
หากิจกรรมทำ อย่าให้ตัวเองอยู่ว่างๆ เฉยๆ เมื่อคุณอารมณ์ดีขึ้นในระดับหนึ่งแล้วให้ลุกขึ้นสู้ต่อไป เริ่มจาก "ตั้งใจ" ที่จะทำอะไรสักอย่างให้กับตัวเองหรือคนใกล้ชิด
ลงมือลงแรง ทำกิจกรรมที่จะฆ่าเวลา ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ งานบ้าน งานอดิเรก ลงมือแล้วคุณจะรู้ว่า "คุณทำได้!" ยังไม่ได้ด้อยศักยภาพไปอย่างที่คุณคิดทั้งหมด
วางแผนอนาคต ดูสิว่าคุณอยากทำหรือต้องทำอะไรบ้าง เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้กับตัวเองและใช้ความสามารถให้เต็มที่ และถ้าหากจะต้องล้มอีกคราวหน้า คุณจะได้หายามารักษาแผลให้หายได้เร็วยิ่งขึ้น

“ ฟ้าให้โอกาสเรามา แต่ก็ไม่ลืมมอบความลำบากให้ด้วย เพื่อเป็นบทพิสูจน์ว่าเราสมควรได้รับโอกาสนั้นหรือเปล่า ”

คุณสมบัติผู้นำที่ดี

คุณสมบัติผู้นำที่ดี
1. ความรู้ (Knowledge)
การเป็นผู้นำนั้น ความรู้เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด ความรู้ในที่นี้มิได้หมายถึงเฉพาะความรู้
เกี่ยวกับงานในหน้าที่เท่านั้น หากแต่รวมถึงการใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมในด้านอื่นๆ ด้วย การจะเป็นผู้นำที่ดี หัวหน้างานจึงต้องเป็นผู้รอบรู้ ยิ่งรอบรู้มากเพียงใด ฐานะแห่งความเป็นผุ้นำก็จะยิ่งมั่นคงมากขึ้นเพียงนั้น
2. ความริเริ่ม (Initiative)
ความริเริ่ม คือ ความสามารถที่จะปฏิบัติสิ่งหนึ่งสิ่งใดในขอบเขตอำนาจหน้าที่ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องคอยคำสั่ง หรือความสามารถแสดงความคิดเห็นที่จะแก้ไขสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ดีขึ้น หรือเจริญขึ้นได้ด้วยตนเอง ความริเริ่มจะเจริญงอกงามได้ หัวหน้างานจะต้องมีความกระตือรือร้น คือมีใจจดจ่องานดี มีความเอาใจใส่ต่อหน้าที่ มีพลังใจที่ต้องการความสำเร็จอยู่เบื้องหน้า
3. มีความกล้าหาญและความเด็ดขาด ( Courage and firmness)
ผู้นำที่ดีจะต้องไม่กลัวต่ออันตราย ความยากลำบาก หรือความเจ็บปวดใดๆ ทั้งทางกาย วาจา และใจผู้นำที่มีความกล้าหาญ จะช่วยให้สามารถผจญต่องานต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้นอกจากความกล้าหาญแล้ว ความเด็ดขาดก็เป็นลักษณะอันหนึ่งที่จะต้องทำให้เกิดมีขึ้นในตัวของผู้นำเองต้องอยู่ในลักษณะของการ “กล้าได้กล้าเสีย” ด้วย
4. การมีมนุษยสัมพันธ์ (Human relations)
ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักประสานความคิด ประสานประโยชน์สามารถทำงานร่วมกับคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษาได้ ผู้นำที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีจะช่วยให้ปัญหาใหญ่เป็นปัญหาเล็กได้
5. มีความยุติธรรมและซื่อสัตย์สุจริต ( Fairness and Honesty)
ผู้นำที่ดีจะต้องอาศัยหลักของความถูกต้อง หลักแห่งเหตุผลและความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองและผู้อื่น เป็นเครื่องมือในการวินิจฉัยสั่งการ หรือปฏิบัติงานด้วยจิตที่ปราศจากอคติ ปราศจากความลำเอียง ไม่เล่นพรรคเล่นพวก
6. มีความอดทน (Patience)
ความอดทน จะเป็นพลังอันหนึ่งที่จะผลักดันงานให้ไปสู่จุดหมายปลายทางได้ อย่างแท้จริง

7. มีความตื่นตัวแต่ไม่ตื่นตูม ( Alertness )
ความตื่นตัว หมายถึง ความระมัดระวัง ความสุขุมรอบคอบ ความไม่ประมาท ไม่ยืดยาขาดความกระฉับกระเฉง มีความฉับไวในการปฏิบัติงานทันต่อเหตุการณ์ความตื่นตัวเป็นลักษณะที่แสดงออกทางกาย แต่การไม่ตื่นตูม เป็นพลังทางจิตที่จะหยุดคิดไตร่ตรองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รู้จักใช้ดุลยพินิจที่จะพิจารณาสิ่งต่างๆ หรือเหตุต่างๆได้อย่างถูกต้องพูดง่ายๆ ผู้นำที่ดีจะต้องรู้จักควบคุมตัวเองนั่นเอง (Self control)
มีความภักดี (Loyalty)
การเป็นผู้นำหรือหัวหน้าที่ดีนั้น จำเป็นต้องมีความจงรักภักดีต่อหมู่คณะ ต่อส่วนรวมและต่อองค์การ ความภักดีนี้ จะช่วยให้หัวหน้าได้รับความไว้วางใจ และปกป้องภัยอันตรายในทุกทิศได้เป็นอย่างดี
มีความสงบเสงี่ยมไม่ถือตัว (Modesty)
ผู้นำที่ดีจะต้องๆไม่หยิ่งยโส ไม่จองหอง ไม่วางอำนาจ และไม่ภูมิใจในสิ่งที่ไร้เหตุผลความสงบเสงี่ยมนี้ ถ้ามีอยู่ในหัวหน้างานคนใดแล้ว ก็จะทำให้ลูกน้องมีความนับถือ และให้ความร่วมมือเสมอ

*****************************

หลักการสร้างพฤติกรรมเพื่อความสำเร็จ

หลักการสร้างพฤติกรรมเพื่อความสำเร็จ
ปฏิบัติตามแบบฝึกหัด 5 ประการนี้ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคุณเอง และเป็นพฤติกรรมผู้นำ
1. นั่งแถวหน้า ฝึกเสียตั้งแต่บัดนี้ตั้งเป็นกฎเลยว่าจะต้องนั่งแถวหน้าสุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกเด่นมากขึ้นในแถวหน้า แต่อย่าลืมว่าถ้าไม่เด่นก็ไม่ใช่ความสำเร็จ
2. ฝึกสบตา เพื่อที่จะบอกคนอื่นว่าคุณจริงใจ คุณเชื่อมั่นในสิ่งที่กำลังพูดกับคนอื่น คุณไม่กลัว คุณมีความมั่นใจ ใช้สายตาให้เป็นประโยชน์ จ้องที่ตาของคนทึ่พูดด้วย มันไม่เพียงแต่จะสร้างความมั่นใจให้กับคุณเอง แต่สร้างความมั่นใจให้กับคนที่คุณพูดด้วย
3. เดินให้เร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ ท่าเดินของเร็วแสดงถึงความมั่นใจคล้ายกับการวิ่งนิดๆ จากท่าเดินจะประกาศให้โลกรู้ว่า คุณกำลังไปที่ที่สำคัญ มีสิ่งสำคัญทึ่จะต้องทำ มากยิ่งกว่านั้นคุณกำลังจะประสบผลสำเร็จ
4.ฝึกพูดแสดงความคิดเห็น นี่เป็นเรื่องสำคัญ แต่ละครั้งที่คุณไม่พูด คุณได้กลืนยาพิษทีทำลายความเชื่อมั่นเข้าไปอีกชุดหนึ่ง คุณจะลดความเชื่อมั่นในตัวเองลงไปเรื่อย ๆ แต่ในทางตรงกันข้าม ยิ่งคุณพูดมากขึ้นคุณยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองและทำให้คุณพูดง่ายขึ้นในคราวหน้า จงพูดเพราะว่า การพูดเป็นเสมือนให้วิตามินกับการสร้างความมั่นใจ
5.ยิ้มกว้าง การยิ้มจะช่วยให้กำลังใจดีขึ้นการยิ้มเป็นยาขนานเยี่ยมสำหรับคนที่ไม่มีความมั่นใจในตนเอง การยิ้มจริง ๆ นั้นไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความรู้สึกป่วยของคุณ แต่จะสลายความรู้สึกขัดแย้งของคนอื่นทันที คนอื่นจะโกรธคุณไม่ได้ถ้าคุณยิ้มให้เขาอย่างเปิดเผยและจริงใจ



*********************