วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

mony.flv

VTS 04 1

VTS 05 1

VTS_01_1.flv

VTS_01_1.flv

r 03-04-53.mp4

เงินสี่ด้าน

มโชคดีที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้
หลังจากยืนอ่านที่ร้านหนังสือ
ถูกใจจนคิดว่าทนไม่ไหว เลยซื้อเก็บไว้ดีกว่า
แนวทางความคิดของหนังสือเล่มนี้
ไม่ได้สั่นสะเทือนความคิดของผมไปจากเดิมมากนัก
แต่กลับมีพลังอย่าง ล้นเหลือ
ในการช่วยยืนยันแนวคิด แนวทางการทำงานที่ผ่านมา
เป็นทั้งประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งในชีวิต
และจะยังเป็นอนาคตอันใกล้ที่กำลังจะมาถึง

"เงินสี่ด้าน" เป็นหนังสือซีรีส์เดียวกันกับ "พ่อรวยสอนลูก"
ผู้เขียนเป็นคุณ โรเบิร์ต คิโยซากิ คนเดียวกัน
แก่นของเรื่อง คือ การพยายามอธิบายความหมาย
และการเดินทางข้ามฟากสะพาน
จากด้านซ้าย ( E S ) ไปยังด้านขวา ( B I )
ของเงินสี่ด้าน
ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานสู่ "อิสรภาพทางการเงิน"

E B
S I

E (Employee) - ลูกจ้าง
S (Self-employed) - คนทำธุรกิจส่วนตัว
B (Business Owner) - เจ้าของกิจการ
I (Investor) - นักลงทุน

สรุปโดยย่อ ให้ฟังกันสั้นๆ เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ครับ

E (Employee) - ลูกจ้าง
ถือคำว่า "มั่นคง" "ผลประโยชน์" เป็นสำคัญ

ความคิด และ คำพูดของ "ลูกจ้าง" - "ฉันอยากได้งานที่มั่นคง เงินเดือนดีๆ หรือถ้ามีโบนัสให้ มีสวัสดิการดี หลักประกันค่ารักษาพยาบาลครบยิ่งดี ฯลฯ หรือถ้ามีโอกาสเลือกได้ เลือกเป็นบริษัทใหญ่ๆ หรือ องค์กรใหญ่ๆ บริษัทต่างชาติ ที่มีโอกาสก้าวหน้ามากกว่า จะดีกว่า "


S (Self-employed) - คนทำธุรกิจส่วนตัว
คนกลุ่มนี้จัดอยู่ในประเภท "ฉันทำเอง" ไม่ชอบขึ้นกับใคร เมื่อทำงานหนัก ก็หวังจะได้รับค่าตอบแทนคุ้มกับงานนั้นๆ ไม่ต้องการให้ใครมาควบคุมรายได้ของตัว โดยเฉพาะจากคนที่ทำงานน้อยกว่า
ขณะ ที่ "ลูกจ้าง" กำจัดความกลัวด้วยความ "มั่นคง" "คนทำธุรกิจส่วนตัว" มีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป แทนที่จะวิ่งหาความมั่นคง พวกเขาจะพยายามควบคุมสถานการณ์โดยทำทุกอย่างด้วยตนเอง
"คนทำธุรกิจส่วนตัว" มักจะเป็นพวกที่ชอบให้ทุกอย่างดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด เขาเชื่อว่าไม่มีใครทำได้ดีเท่า เพราะฉะนั้นเขาจึงชอบทำอะไรด้วยตนเอง
สำหรับคนกลุ่มนี้ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน แต่เป็นการมีอิสระในวิธีทำงาน และการที่มีคนนับถือฝีมือของเขา สองอย่างนี้สำคัญมากยิ่งกว่าเงินที่ได้

ความคิด และ คำพูดของ "คนทำธุรกิจส่วนตัว" - "เดือนเมษาปีที่แล้วผมทำกำไรได้มากกว่า 80,000 บาท รวมยอดทั้งปีของปีที่แล้วน่าจะได้มากกว่า 550,000 บาทขึ้นไป แล้วปีนี้น่าจะโตขึ้นไปอีก ค่าเฉลี่ยผลกำไรที่ผมหวังไว้ไม่มากเกินความเป็นจริงนักน่าจะอยู่ที่มากกว่า 55000/เดือน"


B (Business Owner) - เจ้าของกิจการ
เกือบจะตรงกันข้ามกับพวก "คนทำธุรกิจส่วนตัว" เลยทีเดียว เพราะ "คนทำธุรกิจส่วนตัว" หรือ กลุ่ม "ฉันทำเอง" ไม่ชอบมอบหมายงานให้คนอื่นเพราะไม่มีใครทำได้ดีเท่าเขา แต่ "เจ้าของกิจการ" จะเที่ยวหาคนเก่งคนมีความสามารถมาร่วมงาน โดยมีคติประจำใจ "จะทำเองไปทำไมในเมื่อมีคนอื่นทำได้และดีกว่าเสียด้วย"

ความคิด และ คำพูดของ "เจ้าของกิจการ" - "ผมอยากได้พนักงานที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสดี มีใจบริการ รักการเรียนรู้ และซื่อสัตย์ มาลงที่สาขาใหม่ซักสามคน พอดีตอนนี้ ผมได้คุยกับว่าที่ผู้จัดการร้านคนใหม่แล้ว ดูหน่วยก้านประสบการณ์เค้าโอเคดีเลย ว่าจะให้มาคุมที่สาขาใหม่ของเรา "


I (Investor) - นักลงทุน
นักลงทุนใช้เงินทำงาน เขาจึงไม่ต้องทำงานเพราะใช้เงินทำงานแทน หรือ การใช้เงินทำเงิน นั่นเอง

ความคิด และ คำพูดของ "นักลงทุน" - "กล้องแคนนอน 450D ตัวนี้ผมได้จากการออมเงินลงทุนทองคำเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว "

เข้าใจง่ายๆ คือ

ลูกจ้าง - ทำงานให้ระบบ
คนทำธุรกิจส่วนตัว - คือระบบ
เจ้าของกิจการ - เป็นเจ้าของระบบ
นักลงทุน - นำเงินมาลงทุนในระบบ

และถ้าเราอยากจะย้ายจากด้านซ้าย (E S) มาอยู่ด้านขวา (B I) ของเงินสี่ด้าน จะต้องทำอะไรบ้าง
คำตอบ ไม่ใช่การกระทำที่ต้องเปลี่ยน
แต่เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด เมื่อวิธีคิดเราเปลี่ยน การกระทำเราจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเองนะจ๊ะ :) .