วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การติดตั้งโปรแกรม skype

ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่สุดยอดทีมงาน
ขั้นแรกนี้ ให้ท่านดาวน์โหลดโปรแกรม skype คลิกที่นี่ได้เลยครับ
โดยจะเป็นโปรแกรม version 4.2 ตัวเต็ม ซึ่งมีความเสถียรภาพ และใช้งานได้ง่ายกว่ารุ่นอื่น ๆ ครับ
เมื่อท่านดาวน์โหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ติดตั้งโปรแกรม ตามขั้นตอนครับ
(ท่านสามารถคลิกที่รูปภาพการติดตั้งเพื่อขยายให้ชัดเจนได้ครับ)



    

 


 

 



 
เมื่อท่านติดตั้งโปรแกรม Skype เรียบร้อยแล้ว ท่านจะ login เข้าโปรแกรมโดยอัตโนมัติ ตามรูปด้านบน
ขั้นตอนต่อไป เป็นขั้นตอนสำคัญในการเพิ่มชื่อผู้ติดต่อ เพื่อที่จะได้เข้าร่วมประชุม และพูดคุยกับที่ปรึกษาของท่าน
หรือร่วมพูดคุยกับทาง ทีมงานนนีโอไลฟ์


 







หลังจากท่านดำเนินการทั้งหมดนี้แล้ว ท่านจะสามารถใช้โปรแกรม Skype เข้าร่วมพูดคุย ประชุมกับที่ปรึกษา และทีมงานได้ตลอดเวลาครับ
** รายชื่อผู้นำทีมงานนีโอไลฟ์ ที่ท่านควร Add Contact ไว้ให้ครบ amonsri1




วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ภัยธุรกิจขายตรงแฝงแชร์ลูกโซ่


แนวโน้มธุรกิจขายตรงที่มีอัตราการเติบโตจากในปี 2545 ที่มีมูลค่าทั้งสิ้นราว 30,000 ล้านบาท
 และในปี 2547 เพิ่มขึ้นราว 40,000 ล้านบาท ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากมีความสนใจ
ที่จะเข้าร่วมลงทุนธุรกิจประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า
เหตุผลที่ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกทำอาชีพนี้ ก็เพราะว่า




1.เป็นอาชีพที่ไม่ต้องหาเงินมาลงทุนในจำนวนมาก 
 ไม่ว่าจะเป็นการเช่าอาคาร อุปกรณ์สำนักงาน การจ้างพนักงาน ฯลฯ


2.สามารถมีรายได้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วให้กับ
ครอบครัวแบบตลอดชีวิต และยังเป็นมรดกตกทอดส่งต่อให้ลูกหลานได้ 
3.ขึ้นอยู่กับความสามารถของตนเองแล
ะทีมงานในการสร้างความก้าวหน้าในอาชีพโดยไม่ต้องมีเส้นสาย 
 4.เป็นอาชีพที่ให้อิสระทางความคิด การวางแผนการทำงาน และเวลาทำงาน
 5.ได้พัฒนาตนเองในเชิงวิชาการที่สามารถเข้ารับฟังการบรรยาย อบรม สัมมนา 
หรือเรียนรู้การทำธุรกิจ จากผู้ที่รู้จริงและผู้ที่มีประสบการณ์ตรง โดย
ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งได้พัฒนาบุคลิกภาพให้มีบุคลิกที่ดี
 6.เป็นอาชีพที่ไม่ต้องสอบคัดเลือกเข้าทำงาน ไม่มีการไล่ออก และไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์
ทางด้านธุรกิจมาก่อน รวมทั้งไม่มีการกำหนดระดับการศึกษา
ดังนั้น จแชร์ลูกจึงทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพบางกลุ่มฉวยโอกาสทำธุรกิโอธุรกิจซ่ หรืแบบพีระมิด 
 แอบแฝงเข้ามาในระบบธุรกิจขายตรง ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่มัก

จะมีการดำเนินการ เกี่ยวกับสินค้าประเภทเครื่องดื่มสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ 
อาหารเสริม และน้ำสมุนไพร ฯลฯ สอดคล้องกับกระแสการดูแลและรักษาสุขภาพ
โดยผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวจะมีกระบวนการและวิธีการหลอกลวงหลาก หลายวิธี
อาทิ ใช้การโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวง ผ่านนักขายอิสระ และสื่อต่างๆ รวมทั้งวิธี
ดำเนินการส่งเสริมการขาย ที่ให้ผู้บริโภคเข้าร่วมธุรกิจ ด้วยการนำเอา
ผลประโยชน์ที่มีรายได้สูงเข้ามาจูงใจ โดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายทำธุรกิจ 
 คล้ายขายตรงหวังให้ประชาชนหลงเชื่อ เข้าร่วมธุรกิจ  และหลอกลวง
ให้หาสมาชิกมาเพิ่มมากกว่าการสร้างยอดขาย
ปรากฏการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าธุรกิจขายตรงที่เป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่
นับวันจะมีการพัฒนาขยายสายพันธุ์ ออกมาหลากหลายรูปแบบ
จนทำให้หน่วยงานของรัฐต้องใช้เวลามากในการพิจารณาตัดสินใจดำเนินคดี
 และประชาชนผู้บริโภค ยากต่อการทำความเข้าใจว่าธุรกิจที่จะเข้าร่วมทำธุรกิจ
 หรือสมัครเป็นสมาชิกนั้นเข้าข่ายเป็นธุรกิจผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ดี
 กระแสการตื่นตัวของผู้บริโภคและหน่วยงานของรัฐที่ให้ความสนใจและเข้า
ปราบปรามจริงจังมากขึ้น นับว่าเป็นผลดีต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการขายตรง
ในส่วนของผู้บริโภคก็จะได้รับประโยชน์จากบทเรียน และเห็นภัยกลยุทธ์ที่
แอบแฝงมาในรูปแบบของการขายตรง ทำให้มีความรอบคอบในการ
พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ต่อการสมัครเข้าเป็นสมาชิกขายตรงกับบริษัท
 ส่วนของผู้ประกอบการขายตรง ก็จะต้องกลับไปทบทวนแผนงานขาย
 และการตลาดของบริษัท ว่าจะมีลักษณะจูงใจ ที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่
สำหรับข้อสังเกตบริษัทที่เข้าข่ายเป็นลักษณะธุรกิจขายตรงจะมีลักษณะคือ
1.ต้องมีรายได้จากการขายสินค้าหลากหลายชนิดและมีคุณภาพ เน้นความพึงพอใจ
ของลูกค้าเป็นหลัก นักขายอิสระต้องไม่มีรายได้ จากการระดมเครือข่าย
 เพราะรายได้ที่แท้จริงต้องมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
 2.ต้องมีการอบรมในเรื่องประวัติการก่อตั้งบริษัท ทักษะการพูด
รายละเอียดผลิตภัณฑ์ แผนการตลาด และกฎหมายธุรกิจขายตรง
3.ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงต้องให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้จำหน่ายตาม
ที่กฎหมายกำหนด รับประกันคุณภาพ และความพอใจตัวสินค้า โดยการให้คืนหรือเปลี่ยนสินค้าได้
 4.อัตราค่าธรรมเนียมในการเริ่มต้นธุรกิจใช้เงินลงทุนต่ำ ซึ่งจะเป็นค่า
สมัครและชุดคู่มือการดำเนินธุรกิจเท่านั้น
5.การจ่ายผลตอบแทน รายได้ และตำแหน่ง ต้องขึ้นอยู่กับ
ความสามารถในการทำงานของผู้ขาย มิใช่หาสมาชิกมาเพิ่ม
ส่วนบริษัทที่เข้าข่ายเป็นธุรกิจขายตรงแบบแชร์ลูกโซ่นั้น มีข้อสังเกตดังนี้  
1.ต้องดูว่าบริษัทนั้นให้ความสนใจในเรื่องสินค้าหรือไม่ ต้องตรวจสอบดูว่า
บริษัทมีสินค้าอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ และสินค้ามีคุณภาพน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
2.บริษัทมีการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมในการสมัครเป็นสมาชิกในอัตราที่สูง
 เน้นเฉพาะการระดมเครือข่าย การล่าหัวคิว หรือการหาสมาชิกใหม่มาเพิ่มก็จะ
ได้รับค่าคอมมิสชั่นเป็นการตอบแทน หรือหากหาสมาชิกมาซื้อสินค้าได้ตาม
จำนวนรายที่บริษัทกำหนดจะได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นแทน โดยเอาสินค้
ามาบังหน้าหรืออาจไม่มีสินค้าเลย รวมทั้งไม่มีนโยบายรับซื้อสินค้าคืน
3.มักมีการโน้มน้าวด้วยคำพูดในเชิงที่ว่าถ้าอยากร่ำรวยต้องชวนคนให้
มาทำเยอะๆ รวมทั้งอวดอ้างสรรพคุณสินค้ามีคุณภาพเกินความจริง
ซึ่งการชักชวนนั้นจะทำให้รู้สึกว่าการชักชวนให้คนอื่นมาสมัครจะได้รับ
เงินหรือสิ่งของอย่างง่ายดาย
4.ผู้ที่ทำธุรกิจหลอกลวงประเภทนี้ มักจะแต่งกายภูมิฐานดูดี
 ใส่สูทผูกเน็คไท พูดจาดีน่าเชื่อถือ จนทำให้หลงคารมหรือหลงเชื่อได้
 5.ส่วนใหญ่วิทยากรจะบรรยายในลักษณะโน้มน้าวให้เห็นข้อดีของ
การทำธุรกิจนี้จะทำหน้าที่เสมือนพนักงานขาย ขณะฟังการบรรยาย
ก็จะส่งคนเข้าประกบ เมื่อจบการบรรยายก็จะเร่งรัดให้ตัดสินใจ
สมัครเป็นสมาชิกเลย หรือจ่ายมัดจำไว้ก่อน
 6.เป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งและเปิดดำเนินกิจการเพียงไม่กี่ปี ส่วนใหญ่
ตั้งบริษัทไม่เกิน 5 ปี ซึ่งกิจการจะไม่มีความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
โดยธุรกิจประเภทนี้ เมื่อได้เงินจากค่าสมาชิกเป็นจำนวนมากแล้วก็
จะปิดกิจการแล้วย้ายไปที่อื่น พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใหม่
ในการขอจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ โดยการดำเนินธุรกิจ
ในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายฉ้อโกงประชาชน
ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน พ.ศ.2527
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีหลายหน่วยงานของรัฐพยายามรณรงค์
อย่างหนักและเข้าทำการกำจัดธุรกิจประเภทแชร์ลูกโซ่ และให้ความรู้
กับประชาชนทั่วไปแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถกำจัดธุรกิจหลอกลวงดัง
กล่าวได้หมด ซึ่งการปลุกจิตสำนึกด้วยการศึกษาเพียงอย่างเดียว ไม่อาจ
เพียงพอกับการขจัดธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้น หน่วยงานของรัฐต้องมีการใ
ช้อำนาจอย่างเด็ดขาด มีบทลงโทษที่รุนแรง รวมทั้งต้องแก้ไขกฎหมาย
เพิ่มโทษแก่ผู้กระทำผิดให้สูงขึ้นและมีความทันสมัย จึงจะสามารถ
กำจัดเหล่ามิจฉาชีพที่เป็น "เหลือบของสังคม"
ให้หมดหนทางทำธุรกิจหลอกลวงต่อไปได้
หน้า 20คอลัมน์ คลื่นความคิด  โดย สิทธิชัย ฝรั่งทอง   มติชนรายวัน วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9875
 
Thailand Web Stat

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คำคมนักขาย

น้ำตา จะให้คุณก็แค่ความเห็นอกเห็นใจ
 แต่
เหงื่อ จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ




       ความสำเร็จของคนไม่ได้เกิดจากสวรรค์กับโชคชะตา  แต่   เกิดจากการฝึกฝน  

 รอยเท้าแรกบนดวงจันทร์ไม่ใช่ของมนุษย์แต่เป็นรอยเท้าแห่งจินตนาการ

 

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

นานแค่ไหนก็รอ เบิร์ด เสก โลโซ - YouTube.flv

ไม่ต้องห่วงฉัน - LOSO

อยู่ที่เรียนรู้ รู้อยู่ที่ยอมรับมัน

รอยยิ้มนักสู้

ศรัทธา (Acoustique) หิน เหล็ก ไฟ

คนล่าฝัน แอ๊ด คาราบาว Unicity

รอยยิ้มนักสู้

วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

SEO (Search Engine Optimization)

ขั้นตอนการทำ SEO ขั้นที่ 1 วิเคราะห์คู่แข่งและเลือกคีย์เวิร์ด



  


          ก่อนที่จะลงในเนื้อหา ขั้นตอนนี้ ผมจะพูดถึงเรื่อง SEO (Search Engine Optimization) กันก่อนนะครับ เผื่อมีบางคนหลงทางมาเจอ จะได้รู้ว่า SEO มันคืออะไร สำคัญยังไง ทำไมต้องทำ SEO ทำไมมีคนกล่าวถึงกันมากเหลือเกิน (ในกลุ่มเว็บมาสเตอร์และคนที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ต่างๆ) ก่อนอื่น ผมขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้เป็นเทพจุติจากที่ไหน แต่อาศัยว่ามีประสบการณ์ในการทำ SEO มาพอสมควร นอกจากนี้ ก็ยังได้ถ่ายทอดให้น้องๆ อีกหลายคนทำตาม และก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับความขยันของแต่ละคนอีกหล่ะครับ SEO มันไม่ได้เป็นกฏตายตัว (เราไม่ใช่กูเกิ้ล เอ็มเอสเอ็น หรือ ยาฮูนี่ครับ) มันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใครขยันหาข้อมูล รู้จักสังเกต นำมาปรับแต่งก็ได้เปรียบหล่ะครับ


SEO คืออะไร

          SEO (เอสอีโอ) มาจากคำเต็มๆ ว่า Search Engine Optimization ความหมายแบบบ้านๆ ลูกทุ่งๆ ก็คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ และกระบวนการต่างๆ ของเว็บไซต์ตั้งแต่การออกแบบ เขียนโปรแกรม และการโปรโมทเว็บ เพื่อให้ติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine (เครื่องมือค้นหาเว็บไซต์ต่างๆ เช่น Google, MSN, Yahoo, AOL เป็นต้น) 

SEO สำคัญยังไง

          อินเตอร์เน็ตในยุคปัจจุบันนี้ คนส่วนใหญ่ใช้ Search Engine ในการค้นหาข้อมูล แทนที่จะต้องพิมพ์ URL (Uniform Resource Locator) ก็ใช้ Keyword (คำค้น) ป้อนลงไปใน Search Engine Box ต่างๆ ก็จะค้นหาสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างง่ายดาย และตรงประเด็น มีให้เลือกเปรียบเทียบอีกหลายๆ แห่ง สำหรับเรื่องๆ นั้น และเมื่อค้นพบแล้ว ก็จะมีการแสดงผลออกมาหลายๆ หน้า หลายๆ เว็บไซต์ เว็บที่ถูกแสดงเป็นอันดับที่ 1 2 3 หรือที่แสดงผลในหน้าแรก ก็จะถูกคลิกเข้าไปดูข้อมูลมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง เว็บไซต์ต่างๆ ย่อมต้องการให้เว็บตัวเองขึ้นอันดับ 1 ของ Keyword นั้นๆ เผื่อผลประโยชน์หลายๆ ด้านเช่น ขายสินค้า โฆษณา หรือโปรโมทร้านค้า บริษัทของตัวเอง ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง ดังนั้น ผมสรุป ความสำคัญของ SEO ออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้นะครับ (ใครต้องการเพิ่มก็เขียนไว้ที่ คอมเม้นท์นะครับ)
  1. ทำให้เว็บของเราติดอันดับต้นๆ ในการแสดงผลงการค้นหา
  2. การเขียน Title ที่ดี Keyword Intrend ช่วยทำให้สะดุดตา แม้อันดับต่ำกว่า ก็มีสิทธิ์ถูกคลิกมากกว่า
  3. ทำให้เว็บเราถูกหลักของ W3C ซึ่งเป็นมาตรฐานของภาษาที่ใช้เขียนเว็บ ทำให้ดูสละสลวยเมื่อ Search Engine มาเจอก็เก็บข้อมูลต่างๆ ได้ง่าย
  4. เมื่อติดอันดับต้นๆ ทำให้ขายสินค้าได้ โฆษณาเข้ามา เพราะมีทราฟิก
  5. ติด Adsense ก็มีโอกาสที่จะได้รับเงินค่าโฆษณาที่สูงด้วย เพราะมีทราฟิกก็มีโอกาส
  6. อื่นๆ
          เอาละครับ เรามาเริ่มลงมือวิเคราะห์คู่แข่งกันก่อนเลยนะครับ วิเคราะห์ยังไง ใครเป็นคู่แข่ง โดยการใช้หลักการ SWOT มาประยุกต์ใช้กับขั้นตอนนี้กันเลยครับ
ขั้นตอนการวิเคราะห์คู่แข่งโดยการใช้ SWOT Analysis
  1. S (Strengths) เราต้องมาดูก่อนนะครับว่า เว็บหรือบล็อกที่เราจะทำ มีแข็งตรงไหนบ้าง ที่จะเอาไปสู้เขาได้ เช่น Unique Contents หรือเปล่า, อัพเดทเร็วกว่าคู่แข่งหรือไม่ เป็นต้น
  2. W (Weaknessess) จากนั้นก็มาดูว่า เรามีจุดอ่อนตรงไหน เช่น เว็บเล็กๆ ที่บล็อกที่ไม่มีคนรู้จัก ต้องทำอย่างไร คนจึงจะรู้จัก รวมไปถึงการออกแบบเว็บต่างๆ อาจจะไม่สวยงามเหมือนเว็บคู่แข่งรายใหญ่ๆ เป็นต้น
  3. O (Opportunities) โอกาส อันนี้ต้องมองลึกๆ ให้ถึง Keyword trends หรือคีย์เวิร์ดตามเทศกาล ให้ทันและรวดเร็ว เช่น ช่วงเทศกาลสงกรานต์, วันหวยออก, หรือเหตุบ้านการเมือง ข่าวฉาวต่างๆ เราต้องรีบทำให้เร็วที่สุด จะได้ไม่พลาดโอกาสอันงามอันนั้นไป
  4. T (Threaths) อุปสรรคต่างๆ ที่จะทำให้เว็บของเราไม่โต อันนี้สำคัญมากๆ ต้องวิเคราะห์ดีๆ ก่อนนะครับ
ขั้นตอน ในการใช้เครื่องมือในการเลือกคีย์เวิร์ด
          หลังจากที่เราได้วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนแล้ว เรามาดูว่า เมื่อเราจะทำเว็บแบบนี้ มีคู่แข่งเยอะหรือเปล่า รายใหญ่ๆ มีใครบ้าง ต้องสู้กันด้วยจำนวนคีย์เวิร์ดเยอะหรือไม่ มีคีย์เวิร์ดข้างเคียงหรือเปล่า โดยที่เราทำแล้วไม่เหนื่อยเกินไป  มาดูเครื่องมือที่ใช้ในการเลือกคีย์เวิร์ดกันเลย
  1. ผมใช้ Google Keyword Tools External  ในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดก่อน
  2. หลังจากนั้นก็ใช้ Keyword Trends ใน Truehits เพื่อช่วยดูข้อมูลเพิ่มเติม เหมาะกับเว็บไทยๆ ดี
  3. เมื่อได้คีย์เวิร์ดแล้ว ก็ใช้ Google ค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นๆ แล้วดูว่า มีเว็บไหนเป็นคู่แข่งบ้าง เขาทำ SEO หรือไม่ (สังเกตได้ง่ายๆ ว่าเขามีการปรับแต่ง Title, Keyword, Description หรือไม่ โดยการเปิดเว็บเขาแล้ว View Source ดูก่อน)
  4. ถ้าไม่มีคู่แข่งมาก หรือ เว็บนั้นๆ SEO ไม่ค่อยดี คิดว่าเราสู้ได้แน่ๆ ก็เก็บคีย์เวิร์ดนั้นๆ ไว้ก่อนเลย ผมแนะนำว่า ควรเก็บไว้ประมาณ 10 คำหลักๆ ที่เด่นๆ ที่สุดก็พอครับ

PPC - Pay Per Click


Pay Per Click คืออะไร

PPC คำนี้ย่อมาจากคำว่า Pay Per Click ซึ่งเป็นเป็นอีกส่วนหนึ่งของ Search Engine Marketing จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละ Search Engine เช่น PPC ของ Google จะเรียกว่า Google AdWords หรือ Y!SM ที่ย่อมาจาก Yahoo! Search Marketing ที่เป็นระบบ PCC ของ Yahoo.com และเรายังสามารถรวมไปถึงการทำโฆษณาบน Facebook หรือเรียกว่า Facebook Ads. อีกด้วย

PPC หรือ Pay Per Click คือ การซื้อโฆษณากับ Google ซึ่งเป็น search engine ยักษ์ใหญ่ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก(หรืออาจจะเป็น search engineที่อื่นก็ได้) ซึ่งเราสามารถทำการโฆษณากับ Google โดยการประมูลและให้ราคาใน Keyword หรือคำค้นหา ที่เราอยากทำการโฆษณาเพื่อให้ได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดในพื้นที่หรือตำแหน่งของ ลิงค์ผู้สนับสนุนด้านข้างของหน้าค้นหาในหน้าแรกของ Google และ search engine เจ้าอื่นๆ






PPC มีประโยชน์อย่างไร
1. เพื่อการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการของคุณได้มากขึ้น การทำ PPC ที่ถูกต้องจะเป็นการเพิ่มปริมาณผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ให้มากขึ้น เพื่อจะส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้นนั่นเอง

2. ส่งผลในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรงกว่าการทำการตลาดประเภทอื่นๆ เพราะการทำ PPC นั้น เป็นการโฆษณาที่ตรงตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแท้จริง เพราะผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ทำการค้นหาข้อมูลด้วย Search Engine ผู้บริโภคที่กำลังต้องการหรือมีความสนใจเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้นๆ อยู่ เมื่อใดที่โฆษณาของท่านที่ได้ทำระบบ PPC กับ Search Engine ไว้ปรากฏขึ้นมาในหน้าของการค้นหาหน้าแรก และอยู่ในขณะที่ผู้บริโภคทำการค้นหาข้อมูล ย่อมเพิ่มโอกาสในการซื้อหรือใช้บริการมากยิ่งขึ้นจากบริการของท่าน

3. การทำ PPC ยังรวดเร็ว ทันเหตุการณ์ เมื่อเริ่มดำเนินการโฆษณาสามารถทำงานได้ภายใน 30 นาที โดยที่ไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนกับการลงโฆษณาประเภทอื่นๆ

4. กำหนดงบประมาณในการโฆษณาได้อย่างแน่นอนและยังสามารถควบคุมเงินค่าโฆษณาได้ 100% โดยการตั้งเป็น Daily Budget ไว้เราว่าจะจ่ายค่าโฆษณาต่อวันให้กับ Google เป็นจำนวนเงินสูงที่สุดเท่าไร เช่น มีงบโฆษณา 9,000 บาท/เดือนเท่ากับ 300 บาท/วัน ก็ตั้งค่า Daily Budget ที่ 300 บาท/วัน ผลคือผู้โฆษณาสามารถจัดสรรเงินค่าโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักความเป็นจริงที่สุด

5. การทำ PPC ยังมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงข้อความโฆษณา หรือ Keywords ได้ตลอดเวลาอีกด้วย
6. การทำ PPC สามารถกำหนดพื้นที่ ภาษา และระยะเวลา ที่ต้องการให้โฆษณาของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

7. เราจะจ่ายค่าโฆษณาในการ PPC ก็ต่อเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของเราแล้วเท่านั้นผู้ทำการโฆษณาจะเสียค่าโฆษณาให้ กับ Google ต่อเมื่อมีผู้เห็นโฆษณาแล้วทำการคลิกผ่านโฆษณาเข้าไปยังเว็บไซต์ของผู้ทำการ โฆษณา หากไม่มีการคลิกผ่านโฆษณาของท่านก็จะไม่มีการเสียเงินหรือค่าโฆษณาให้กับทาง Google แต่อย่างใด ถึงแม้ผู้ทำการค้นหานั้นจะเห็นโฆษณาก็ตาม

8. การทำ PPC ยังสามารถวัดผลโฆษณาได้ง่ายและรวดเร็ว และยังสามารถวัดและติดตามผลได้ทันที โดยเข้าไปดูสถิติต่างๆ ของโฆษณาได้ตลอดเวลาว่าภายในช่วงเวลาที่กำหนด มีคนเห็นโฆษณามากน้อยเพียงใด มีคนคลิกโฆษณาเท่าใด อันดับโฆษณาอยู่ตำแหน่งที่เท่าไร ค่าโฆษณาเป็นเท่าไร


PPC เหมาะกับธุรกิจใด
1. ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มโอกาสและช่องทางในการขายสินค้าให้มากขึ้น
2. ธุรกิจที่เริ่มต้นกับการทำการตลาดออนไลน์
3. ธุรกิจที่ต้องการใช้งบประมาณทางการตลาดอย่างคุ้มค่าที่สุด
4. ธุรกิจที่ต้องการทดสอบสินค้าใหม่ๆ ทดสอบตลาด และทดสอบความต้องการของผู้บริโภค ก่อนที่จะผลิตและปล่อยสินค้าออกวางตลาดจริง



ทำไมต้องทำ PPC กับ NetdesignRank.com
1. เพราะเรามีการดำเนินงานและจัดการทาง PPC อย่างตรงไปตรงมาสามารถตรวจสอบได้ตามจริงและเราก็พร้อมจะให้คำปรึกษาในทุก ด้านที่เกี่ยวกับการทำ PPC ของทุก Search Engine รวมไปถึง Facebook ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบแคมเปญ
2. ด้วยทีมงานระดับมืออาชีพของ NetdesignRank ซึ่งเติบโตมากับวงการ Online Marketingและ PPC โดยตรงจึงพร้อมตอบในทุกข้อคำถามที่เกี่ยวกับธุรกิจ Online Marketing และการ PPC ของคุณอย่างตรงเป้าหมาย
3. นอกจากนั้นคุณยังจะได้รับส่วนลดในบริการอื่นๆ ของ Netdesign Group อาทิ ส่วนลดค่าเรียนคอร์สคอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ, ส่วนลดการเช่าโฮสติ้งของ NetdesignHost, ส่วนลดในการซื้อเว็บสำเร็จรูปของ NetdesignSoft, ส่วนลดในการจ้างทำเว็บระดับแอดวานซ์ของ ND Technology และส่วนลดในการซื้อหนังสือของ NetdesignBooks และในทุกผลิตภัฑณ์แบบครบวงจรในเครือของ Netdesign Group อีกด้วย
4. เพราะNetdesignRank เป็นบริษัทในเครือธุรกิจ Netdesign Group ซึ่งก่อตั้งมาเป็นเวลายาวนานกว่า 11 ปี มีลูกค้ามากกว่า 100,000 ราย จึงเป็นข้อพิสูจน์และยืนยันได้ว่าเราพร้อมเสมอที่จะยืนเคียงข้างคุณกับ ธุรกิจ Online Marketing ในทุกๆด้าน

(*ยกตัวอย่างทั้งหมดผ่าน Google ซึ่งเป็น search engine ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก)

  ผู้ให้บริการ
Google
Google
Google
  ค่า Set Up
1,000 บาท
ฟรี
ฟรี
  ค่าดูแลระบบ
2,500 บาท/เดือน
2,500 บาท/เดือน
2,500 บาท/เดือน
  จำนวน Keyword
5
10
15
  จำนวนแคมเปญโฆษณา
1
1
1
  รวม
8,500 บาท
15,000 บาท
30,000 บาท
 
รายละเอียดเพิ่มเติม
  วิเคราะห์ Key Word ที่เหมาะสม
  เขียนและทดสอบแคมเปญโฆษณา
  รายงานผลการโฆษณาและงบประมาณ
    1.จำนวน Key Word สำหรับค้นหา
สูงสุดถึง 15 Key Words ทำให้เพิ่มโอกาสในการค้นหา
ไม่เกิน 10 Key Wordsเท่านั้น
    2.จำนวนแคมเปญโฆษณา
สูงสุด 2 แคมเปญ
1 แคมเปญ เท่านั้น
    3.การแก้ไขแคมเปญโฆษณา และ Key Word
ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และทำได้ตลอดเวลา
จำกัดจำนวนครั้ง และอาจจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเมื่อแก้ไข
   4.การให้บริการ และเฝ้าติดตามประเมินผล
ตลอด 9.00 – 18.00 น.
เฉพาะเวลาทำการของบริษัท ประมาณ 9.00 – 17.30 น.