วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เวียนศรีษะ

โดย หมอ “เชวง”

โรคเกี่ยวกับระบบการทรงตัวของร่างกาย คือโรควิงเวียนศรีษะ จากประสบการณ์ที่ดูแลผู้ป่วยมานานพอสมควรพบอาการเป็นโรคนี้ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งในระยะ 2-3 ปีหลังนี้นะครับพบเกือบทุกวัน หนักบ้าง เบาบ้าง อาการมีตั้งแต่เล็กน้อย เช่น มึน ๆ วิงเวียน สมองไม่โล่ง เมา ๆ (ทั้งที่ไม่ได้กินเหล้าหรือสุรา) มากจนถึงขั้นมีความรู้สึก “หมุน” อาจจะเป็นตัวหมุนเหวี่ยง,ลอยไปมาหรือรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมเช่น ผนังห้อง บ้านหมุนรอบตัวเรา พื้นเอียงไปมา ถ้าเป็นมากจะเสียการทรงตัว เดินแล้วอาจโซเซหรือล้มมักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อแตกความรู้สึกอยากจะปัสสาวะหรืออุจจาระ บางทีความรู้สึกเหมือนใจจะขาด ต้องนอนหลับตาตลอด(เพราะลืมตาแล้วมันรู้สึกหมุน) เป็นความรู้สึกที่ทรมานพอสมควร คนไม่เป็นจะไม่ใรู้ โรคนี้เป็นมากในคนสูงอายุ หรือเริ่มแก่ก็ได้ เอ๊าะ ๆ พบน้อย ถ้าเป็นในผู้สูงอายุอาจจะทำให้ล้มแล้วบาดเจ็บซ้ำซ้อนก็ได้ เช่น บาดเจ็บศรีษะ,กระดูกหักข้อเคลื่อนได้ ก่อนอื่นต้องขออธิบายความซักเล็กน้อย ว่าการที่คนเราสามารถทรงตัวได้แบบปรกติ คือ นอน,นั่ง ,ยืน,เดินเหิน หันหน้า กลับหลัง ซ้าย ขวา ได้ก็เพรีาะมี่ระบบประสาทการทรงตัวทำงานปรกติ ซึ่งประกอบด้วย

1. หูชั้นใน โยงไปเซลล์ประสาทในก้านสมอง

2. ระบบประสาทการมองเห็น คือ ดวงตาแล้วส่งไปที่สมองใหญ่ที่ควบคุมการมอง

3. ระบบประสาทที่รับตำแหน่งมาจากข้อต่างๆ แล้วส่งไปสมองเล็ก

ถึงในภาวะปรกติ ระบบเหล่านี้ก็อาจจะทำงานมีขีดจำกัดเหมือนกัน คงจำกันได้สมัยเด็กๆ เวลาเล่นหมุนตัวเร็ว ๆ หรือนั่งม้าหมุน ก็จะทำให้เกิดการหมุน ๆ แต่ตอนนี้ก็เพียงแค่รู้สึกหมุนชักประเดี๋ยว ก็้เมาตาลายแล้ว บางทีเป็นอยู่นานด้วย เป็นชั่วโมง ๆ กว่าจะหายแต่ก็สามารถฝึกฝนให้ทนขึ้นได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น นักบัลเล่ต์,สเก็ตน้ำแข็ง นักยิมนาสติก หมุนหลาย ๆรอบเป็นเวลานานๆ โดยที่ไม่เป็นอะไร

โรคที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้ เสียศูนย์ หรือบ้านหมุนนี้ครับคือระบบการทรงตัวของหูชั้นในทำงานผิดปรกติ หรือปรับตัวไม่ทันอาจจะเป็นเองหรือมีการติดเชื้อของหู เชื้อหวัดธรรมดา เข้าไปในปราสาทหู ได้รับสารพิษหรือยาบางชนิด อากาศหนาวจัด ๆ ซึ่งมักจะเป็นตอนตื่นนอนเช้า ในท่านอนอาจจะมีการปวดหู หูอื้อ หรือมีเสียงในหูร่วมด้วย การอดนอนหรือเครียดจัด ๆไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย จะซ้ำเติมให้อาการเป็นมากขึ้น หรือความทนทานต่อการเรียนลดน้อยลง

นอกจากนั้นก็มีสาเหตุมากจากเลือดไปเลี้ยงระบบปราสาทที่ควบคุมการทรงตัวไม่พอไปชั้วขณะ มักพบในคนสูงอายุ หรือมีโรคอยู่เดิม เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง,ไขมันสูง ถ้าเส้นเลือดตีบไปเลย มีเซลล์ปราสาทตายบางส่วนอาจจะมีการเดินเซ,พูดไม่ชัดร่วมด้วย สาเหตุอื่น ๆ ที่พบไม่บ่อย เช่น เนื้องอกของเส้นปราสาทหู,เนื้องอกสมองเล็ก กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงทำให้เห็นภาพซ้อน

ยาที่มักทำให้เกิดการวิงเวียนหรือบ้านหมุน เช่นที่พบบ่อย ๆ มี

1. ยาปฏิชีวนะประเภทสเตรปโตไมซิน ที่ใช้ฉีดรักษาวัณโรค ปัจจุบันใช้น้อยลงแล้ว

2. ยากันชัก

3. ยาขับปัสสาวะ

4. ยาลดความดันโลหิต

5. ยาลดความอ้วน อาจจะเกิดขณะที่กิน หรือหยุดก็ได้ครับ

การติดเชื้อที่ไต เช่น กรวยไตอักเสบทำให้ เวียนศรีษะ อาเจียนมาร่วมกับมีไข้

จะเห็นได้ว่า สาเหตุของโรคบ้านหมุน(เสียศูนย์) นับว่ามากมายหลากหลาย แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะส่วนใหญ่ ถ้าเป็นไม่มากกินยาหอม ยาดมยาลม นอนพักซักครู่ก็จะหาย ถ้าเป็นมากขึ้น นอน รพ. ให้น้ำเกลือให้หมอรักษาก็จะหายใน 1-2 วัน หรือไม่เกิน7 วัน ถ้ามากกว่านั้น หรือถ้าเป็น ๆหาย ๆ ซึ่งมักเป็นในคนสูงอายุ อาจจะต้องตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด เช่น ตรวจเลือด เอ็กซเรย์สมองหรืออื่น ๆ และต้องรักษาโรคที่เป็นอยู่เดิมควบคู่ไปด้วย นอกจากนั้นกายภาพบำบัดโดยการฝึกท่านั่ง-นอน จะทำให้ทนทานต่อการหมุนดีขึ้นหรือจนหายขาดได้

ก็อย่างที่บอกละครับ 2-3 ปี หลังนี้ พบอาการป่วยแบบนี้บ่อย ๆ ความเครียดก็คงจะมีส่วนแน่ ๆ ยิ่งนอนไม่หลับด้วยแล้ว แถมมีไมแกรน ปวดหัวพ่วงบ้านหมุนมาอีก ชักจะยุ่งกันไปใหญ่อย่าไปคิดอะไรมากเลยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: