คนรวยคบหาสมาคมกับคนที่มองโลกในแง่ดีและประสบความสำเร็จ
คนจนขลุกอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ร้ายหรือไม่ประสบความสำเร็จ
คนที่ประสบความสำเร็จจะมองความสำเร็จของผู้อื่นเป็นเครื่องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เป็นต้นแบบในการเรียนรู้
พวกเขาจะบอกตัวเองว่า "ถ้าพวกเขาทำได้ ฉันก็ทำได้"
คน รวยรู้สึกขอบคุณที่คนอื่นๆ ประสบความสำเร็จล่วงหน้าไปก่อน เพราะพวกเขาจะได้มีแผนที่ไว้สำหรับเดินตามรอยทางสู่ความสำเร็จ ซึ่งง่ายกว่าการที่พวกเขาต้องลองผิดลองถูกเองทั้งหมด หลักการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลพร้อมให้ทุกคนหยิบไปประยุกต์ใช้กับ ตัวเองแล้ว
ตรงกันข้ามกับคนรวย เมื่อคนจนได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของคนอื่น พวกเขามักตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ ล้อเลียน และพยายามดึงคนเหล่านั้นลงมาอยู่ในระดับเดียวกัน คุณรู้จักคนประเภทนี้บ้างไหม?
แทบทุกคนถามคำถามเดียวกัน "ถ้าคนใกล้ชิดของเราไม่ยอมพัฒนาตัวเองแถมยังฉุดเราให้ต่ำลงด้วยล่ะ?"
คำตอบที่ผมมอบให้ประการแรกคือ อย่าเสียเวลาชักจูงคนที่มองโลกในแง่ร้ายให้เปลี่ยนแปลงตนเองหรือชวนเขามาร่วมสัมมนาด้วย
มัน ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ หน้าที่ของคุณคือการใช้สิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาปรับปรุงตัวเองและชีวิตคุณ ให้ดีขึ้น จงทำตัวเป็นแบบอย่าง จงประสบความสำเร็จและมีความสุข...บางที...ผมขอย้ำว่าบางที...เขาอาจเห็นแสง สว่าง (ในตัวคุณ) และต้องการมันบ้าง
ข้อ สอง ผมอยากให้คุณจำหลักการสำคัญอีกข้อหนึ่งให้ขึ้นใจ "ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง และเหตุผลนั้นก็มีไว้เพื่อสนับสนุนฉัน"
ใช่ มันยากมากที่จะคิดอะไรในแง่ดีและมีสติดเมื่อถูกรายล้อมด้วยผู้คนที่คิดไม่ดีและสถานการณือันเลวร้าย แต่นั่นคือบททดสอบ!
เหมือน เหล็กที่ย่อมกล้าแกร่งขึ้นเมื่อผ่านเปลวไฟ ถ้าคุณจริงจังกับจุดมุ่งหมายขณะที่คนรอบตัวเฝ้าแต่กังขาหรือแม้กระทั่งส่ง เสียงคัดค้าน คุณก็จะยิ่งก้าวไปได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
"ไม่มีสิ่งใดมีความหมายนอกจากความหมายที่เรามอบให้มันเอง"
ใน ความคิดของผม โลกนี้มีคนกว่าหกพันสามร้อยล้านคน แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องมานั่งจมปลักกับคนที่คอยบั่นทอนกำลังของผมอยู่ตลอด เวลา ถ้าพวกเขาไม่ฉุดตัวเองขึ้นมา ผมก็ขอก้าวต่อไป!
"สิ่ง สำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณรู้อะไร แต่อยู่ที่คุณรู้จักใครต่างหาก" ดังนั้นผมขอบอกคุณไว้เลยว่า "ถ้าคุณอยากจะบินกับฝูงอินทรี อย่าไปว่ายน้ำกับฝูงเป็ด!"
คนรวยชอบคบหากับผู้ชนะ คนจนคลุกคลีกับผู้แพ้ ทำไม? มันเป็นเรื่องของความสบายใจ คนรวยสบายใจที่ได้คบหากับผู้ที่ประสบความสำเร็จคนอื่นๆ พวกเขารู้สึกว่าเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันมีคุณค่า คนจนจะรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้ผู้ประสบความสำเร็จมากๆ พวกเขากลัวว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับหรือไม่ก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง ดังนั้น เพื่อปกป้องตัวเอง ตัวตนของพวกเขาจึงเลือกที่จะตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่ประสบความสำเร็จ คนอื่นๆ
ถ้าคุณอยากร่ำรวย คุณต้องปรับปรุงแผนผังการเงินภายในหัวคุณให้เชื่อออกมาจากสุดขั้วหัวใจว่า คุณเองก็มีดีไม่น้อยไปกว่าเศรษฐีเงินล้านพวกนั้นเลย
แทนที่จะเย้ยหยันคนรวย จงเอาพวกเขาเป็นแบบอย่าง แทนที่จะหลบหน้าจากคนรวย จงเข้าไปทำความรู้จัก
จงพูดว่า "ถ้าพวกเขาทำได้ ฉันก็ทำได้"
คนจนขลุกอยู่กับคนที่มองโลกในแง่ร้ายหรือไม่ประสบความสำเร็จ
คนที่ประสบความสำเร็จจะมองความสำเร็จของผู้อื่นเป็นเครื่องสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เป็นต้นแบบในการเรียนรู้
พวกเขาจะบอกตัวเองว่า "ถ้าพวกเขาทำได้ ฉันก็ทำได้"
คน รวยรู้สึกขอบคุณที่คนอื่นๆ ประสบความสำเร็จล่วงหน้าไปก่อน เพราะพวกเขาจะได้มีแผนที่ไว้สำหรับเดินตามรอยทางสู่ความสำเร็จ ซึ่งง่ายกว่าการที่พวกเขาต้องลองผิดลองถูกเองทั้งหมด หลักการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลพร้อมให้ทุกคนหยิบไปประยุกต์ใช้กับ ตัวเองแล้ว
ตรงกันข้ามกับคนรวย เมื่อคนจนได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของคนอื่น พวกเขามักตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ ล้อเลียน และพยายามดึงคนเหล่านั้นลงมาอยู่ในระดับเดียวกัน คุณรู้จักคนประเภทนี้บ้างไหม?
แทบทุกคนถามคำถามเดียวกัน "ถ้าคนใกล้ชิดของเราไม่ยอมพัฒนาตัวเองแถมยังฉุดเราให้ต่ำลงด้วยล่ะ?"
คำตอบที่ผมมอบให้ประการแรกคือ อย่าเสียเวลาชักจูงคนที่มองโลกในแง่ร้ายให้เปลี่ยนแปลงตนเองหรือชวนเขามาร่วมสัมมนาด้วย
มัน ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ หน้าที่ของคุณคือการใช้สิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาปรับปรุงตัวเองและชีวิตคุณ ให้ดีขึ้น จงทำตัวเป็นแบบอย่าง จงประสบความสำเร็จและมีความสุข...บางที...ผมขอย้ำว่าบางที...เขาอาจเห็นแสง สว่าง (ในตัวคุณ) และต้องการมันบ้าง
ข้อ สอง ผมอยากให้คุณจำหลักการสำคัญอีกข้อหนึ่งให้ขึ้นใจ "ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่ง และเหตุผลนั้นก็มีไว้เพื่อสนับสนุนฉัน"
ใช่ มันยากมากที่จะคิดอะไรในแง่ดีและมีสติดเมื่อถูกรายล้อมด้วยผู้คนที่คิดไม่ดีและสถานการณือันเลวร้าย แต่นั่นคือบททดสอบ!
เหมือน เหล็กที่ย่อมกล้าแกร่งขึ้นเมื่อผ่านเปลวไฟ ถ้าคุณจริงจังกับจุดมุ่งหมายขณะที่คนรอบตัวเฝ้าแต่กังขาหรือแม้กระทั่งส่ง เสียงคัดค้าน คุณก็จะยิ่งก้าวไปได้อย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
"ไม่มีสิ่งใดมีความหมายนอกจากความหมายที่เรามอบให้มันเอง"
ใน ความคิดของผม โลกนี้มีคนกว่าหกพันสามร้อยล้านคน แล้วเรื่องอะไรผมจะต้องมานั่งจมปลักกับคนที่คอยบั่นทอนกำลังของผมอยู่ตลอด เวลา ถ้าพวกเขาไม่ฉุดตัวเองขึ้นมา ผมก็ขอก้าวต่อไป!
"สิ่ง สำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณรู้อะไร แต่อยู่ที่คุณรู้จักใครต่างหาก" ดังนั้นผมขอบอกคุณไว้เลยว่า "ถ้าคุณอยากจะบินกับฝูงอินทรี อย่าไปว่ายน้ำกับฝูงเป็ด!"
คนรวยชอบคบหากับผู้ชนะ คนจนคลุกคลีกับผู้แพ้ ทำไม? มันเป็นเรื่องของความสบายใจ คนรวยสบายใจที่ได้คบหากับผู้ที่ประสบความสำเร็จคนอื่นๆ พวกเขารู้สึกว่าเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันมีคุณค่า คนจนจะรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ใกล้ผู้ประสบความสำเร็จมากๆ พวกเขากลัวว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับหรือไม่ก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง ดังนั้น เพื่อปกป้องตัวเอง ตัวตนของพวกเขาจึงเลือกที่จะตัดสินและวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่ประสบความสำเร็จ คนอื่นๆ
ถ้าคุณอยากร่ำรวย คุณต้องปรับปรุงแผนผังการเงินภายในหัวคุณให้เชื่อออกมาจากสุดขั้วหัวใจว่า คุณเองก็มีดีไม่น้อยไปกว่าเศรษฐีเงินล้านพวกนั้นเลย
แทนที่จะเย้ยหยันคนรวย จงเอาพวกเขาเป็นแบบอย่าง แทนที่จะหลบหน้าจากคนรวย จงเข้าไปทำความรู้จัก
จงพูดว่า "ถ้าพวกเขาทำได้ ฉันก็ทำได้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น